และแล้วก็มาถึงเมืองสุดท้ายที่เราจะไปกัน ก็คือ เมือง Akaroa เมืองที่กลิ่นอายของ ฝรั่งเศส
เมืองนี้ถือว่าเป็นเมืองตากอากาศ ก็ว่าได้ อยู่ไม่ไกลจาก Christchurch มากนัก
ประมาณ 82 กิโลเมตร ขับรถชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงแล้ว จะมาแบบเช้าเย็นกลับก็ยังได้ครับ
การเดินทางวันนี้ เริ่มจาก Tekapo มุ่งหน้าสู่ Geraldine ตามทางหลวงหมายเลข 79
เข้าสู่เส้นทางหมายเลข 1 ที่เมือง Rangitata ไปเรื่อยๆ จนถึงสะพานข้ามแม่น้ำ Rakaia
เราจะเลี้ยวตัดขวาลงไปที่เมือง Leeston และเลียบฝั่งไปเรื่อยๆ ผ่าน Selwyn
ลัดไปโผล่ที่ทางหลวงหมายเลข 75 ซึ่งมาจาก CHC จากนั้นก็ไปตามทางเรื่อยๆ ก็ถึง Akaroa แล้ว
เราออกเดินทางจากที่พัก YHA Tekapo ขับมาได้นิดไม่ไกล ก็จะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำ ก่อนจะถึง โบสถ์
ตอนเช้าแดดแรงทีเดียว แต่อากาศดี ลมเย็นสบาย
Church of the Good Shepherd โบสถ์ที่มีขนาดเล็กที่สุดในนิวซีแลนด์
เล็กจริงๆ เสียดายไม่ได้เข้าไปชมด้านใน เพราะเค้าเปิด 09.00 ครับ
Lake Tekapo ในวันที่น้ำสีฟ้าเข้ม ตัดกับสีน้ำตาลเหลือง ของต้นไม้ ใบหญ้า
เจอนกอะไรหว่า เหมือนนกเอี้ยงเลย บินเร็วมาก อยู่ข้างๆ โบสถ์
จาก Church มาไม่ไกล จะเป็น Collie Dog Statue
ขับรถมาจอดที่ไหล่ทางก็ได้นะครับ จะได้ไม่ต้องย้อนกลับไปเอารถอีก
เห็นวิวกว้างๆ แห้งมากๆ
Collie Dog Statue สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ ให้กับสุนัขต้อนแกะ
ด้านหลังอนุสรณ์ จะเห็นวิวของ Southern Alps ทอดยาวตลอดแนว Lake
ตอนนี้ ประมาณ 08.40 ได้เวลาร่ำลาที่นี่ก่อนเดินทางต่อ
ยังเดินทางต่อไป
เริ่มเข้าสู่เมือง Fairlie แล้ว
ด้านหน้าเห็นหมอกขาวๆกันไหม
บรรยากาศเหมือนไปเยือนปราสาท ท่านเค้าน์เลย
หมอกเต็มสองข้างทางเลยครับ
ป้ายเก๋ๆ อีกแล้ว คำสั้นๆ แต่เตือนสติได้ดี
สีน้ำตาลทองทั้งผืนเลย แปลกดีนะครับ บ้านเราเวลาแห้งแล้ง ทำไมมันไม่สวยแบบนี้
สองข้างทางก็มีวิว สวยๆ ให้เก็บภาพ กันตลอดทางเลยครับ
ฝั่งนึงเขียว ฝั่งนึงน้ำตาลทอง
น่าไปจับจองพื้นที่ สักแปลงนะครับ
ถึงแล้วเมือง Geraldine
ตอนแรกกะว่าจะมาหาห้องน้ำเข้าเฉยๆครับ แต่เห็นมีร้านขายของ และยังพอมีเวลาเหลือ
เลยมาเดินเล่นกันสักหน่อย
เราเข้าไปจอดใน Four Peaks Plaza ครับ
ด้านหน้า มี i-site ด้วย
ห้องน้ำอยู่ด้านหน้าทางเข้า ครับ สะอาดดี ไม่ต้องกังวล ยกเว้นแบบส้วมหลุม
ข้างๆ กันจะมีตลาดเล็กๆ ส่วนใหญ่จะเป็นงาน แฮนด์เมด มาขาย
ถ่ายมารูปเดียว เค้าก็ยกมือว่า ห้ามถ่าย !!
ของเยอะเหมือนกัน ราคาก็ไม่แพงเท่าไร ได้ สร้อยฟิวเตอร์มาเส้นนึง
บริเวณนี้มีหลายร้านเลยครับ ร้านกาแฟ ร้านน้ำปั่น ร้านไอติม
แต่เรามาช๊อปกันที่ The Alpaca Center
Talbot Forest ร้านนี้ขายไอติมและชีสครับ
ไอติมโคนลูกละ 3 เหรียญครับ อร่อยดี
ร้านนี้ตั้งอยู่ริมสามแยก ราคาก็สูงใช้ได้
11.00 ได้เวลาออกจาก Geraldine เดินทางกันต่อ มุ่งหน้าไปตามทางหลวงหมายเลข 79
มีอยู่ช่วงนึง ที่ถนนมีสองเลน สามารถ แซงได้ครับ เพิ่งจะเห็น 2 เลนที่นี่ ที่แรก
เจอแก๊งมอเตอร์ไซค์ ด้วย
ช่วง เที่ยงๆ เราถึงเมือง Rakaia แวะทานอาหารญี่ปุ่น อีกแล้ว
เส้นอะไรเอ่ย เจออีกแล้ว ถ้าที่เมืองไทย คงต้องบอกว่า เป็น พญานาค แน่ๆ
แกะหน้าดำ เย้ๆ ในที่สุดก็เจอ แล้วว
ภาระกิจ สำเร็จ........ เพราะเจอแกะหน้าดำ
เหมือนมันใส่เสื้อขนแกะ เลย
ที่นี่เค้าใช้พวกต้นสน ปลูกเป็นแนวรั้วบ้าน ตัดให้มันเตี้ยๆ กิ่งมันจะแตกแน่นเป็นรูปทรงตามต้องการเลย
ขับเร็วไประวังจะโดนจับความเร็วนะ
ก่อนจะเข้าสู่ Little River ตอนเวลา เกือบบ่าย 2
เราจะผ่าน Lake Ellesmere และ Lake Forsyth
ซึ่งมีนกน้ำ หลายชนิดเลย แต่ว่าถ่ายมามองไม่ค่อยเห็น เลค
ตรงนี้เหมือนจะเป็น i ด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจ ไม่น่าใช่ แต่มาแล้วเจอแน่นอน
มีห้องน้ำ มีร้านค้าเล็กๆ ด้วยครับ
ข้างในก็มีของที่ระลึก ตุ๊กตา ต่างๆ โปสการ์ด เยอะแยะไปหมดครับ
ลุงเจ้าของร้านใจดี พวกตุ๊กตาแกะลด 50% ด้วย ยังแถมแท่นโชว์ให้ อีก
จากนั้นก็ขับต่อไป
วันอาทิตย์สุดสัปดาห์ มีคนมารวมตัวโชว์รถเก่าๆ ย้อนยุค กันด้วย
วิวสวยๆ ระหว่างทาง
ไปตามทางเส้น Tourist Drive เพื่อไปชมวิวกันก่อนครับ
ขับไปตามเส้นสีแดงๆ นะครับ ซึ่งจะไปต่อกับ Summit Road วนไปอีกฝั่งหนึ่ง
แต่เราไปประมาณครึ่งทาง ก็จะวนกลับ
มาชมวิวแบบ Panorama ของ Akaroa Harbour กันบ้าง
เกาะสามเหลี่ยมเล็ก นั่น เรียกว่า Onawe Peninsula
ขึ้นมาด้านบน วิวสวยจริงๆ ไม่เสียเวลาที่ขึ้นมา ยังกับสวรรค์
ชอบถนนบนนี้มากๆเลยครับ สวยมาก
ข้างบนนี้ ลมแรงมากๆ ครับ แต่วิวสวยดีนะครับ
จากนั้นกลับรถลงมาทางเดิม เพื่อขับกลับลงมาไปยังที่พักของเราวันนี้
ฝูงแกะดูเล็กไปถนัดตา เมื่อเทียบกับภูเขาลูกใหญ่ๆ
ริมอ่าว จะมีทั้งบ้านทั้งรีสอร์ท เต็มไปหมด
ถนนก็จะลัดเลาะผ่านเขาไปเรื่อยๆ
ขับไปตามทางหลวงหมายเลช 75 อีกนิดใกล้ถึง Akaroa แล้วhttp://www.akaroa.com
แผนที่ตัวเมือง Akaroa คร่าวๆ
ที่พักเราอยู่ทางขวามือ ถึงแล้วครับ Akaroa Cottage
ต้องดูให้ดี มีป้ายก่อนถึงว่ามี รร. แต่จะไม่ได้เขียนชื่อ Akaroa Cottage นะครับhttp://www.akaroacottages.co.nz/
ขับเข้าไปด้านในก็จะพบวิวแบบนี้ มีต้นไม้สองข้างทาง กำลังเปลี่ยนสี ทั้งแดงทั้งเหลือง
ขับขึ้นไปบนเนิน เลี้ยวขวา ก็ถึงแล้วครับ
ไป เช็คอินกันก่อน เราจองแบบ 3 BRM Seaview Cottage มาครับ 340 nz$
ตอนจองก็กรอกหมายเลขบัตรเครดิตมา แต่ยังไม่ตัด มาชำระที่นี่ทั้งหมดครับ
พอดีเงินสดเหลือ เลยจ่ายเป็น เงินสดแทน
แมวเหมียวเจ้าถิ่น น่ารักเชียว
เราได้บ้าน ชื่อ Ashcroft เป็นบ้านหลังที่ 2 ถัดจาก reception
ถ้าจากทางเข้า ผ่านต้นไม้เหลืองแดงตะกี้ จะเลี้ยวซ้ายนิดนึง แล้วเลี้ยวขึ้นเนินมาครับ
ทางขึ้นเนิน เป็นดินลูกรัง+หินกรวด เนินก็ไม่ได้ชันมาก แต่รถขึ้นยากมากครับ ล้อมันฟรี
ถอยขึ้นๆลงๆ กว่าจะได้ เกิดรอยไปครูดกิ่งไม้ด้วย ดีนะทำประกันมาเต็มๆ อิอิ
เลยตัดสินใจไปจอด ด้านหน้า reception ดีกว่าครับ สบายใจกว่า
เปิดประตูด้านหน้าเข้ามาก็จะเจอห้องนั่งเล่น และส่วนโต๊ะกินข้าว
โซฟาหนัง นั่งสบาย มีเครื่องเสียง ด้วย
โทรทัศน์ มีช่องเคเบิ้ลด้วยครับ ดูแต่ช่องข่าว
ตอนนั้นกำลังมีข่าวจากเมืองไทยอยู่พอดีเลย
ถัดไปด้านในมีครัวเล็กๆ เตาไฟฟ้า พร้อมไมโครเวฟ ตู้เย็น
ด้านหลังตู้ไม้เป็นห้องนอนกับห้องน้ำชั้นล่างครับ เดี๋ยวเข้าไปชมกัน
อุปกรณ์ครบครัน
เริ่มที่ห้องนอน ก่อน เปิดประตูเข้ามาก็จะเป็นแบบนี้ มีประตูออกไประเบียงด้านหน้าด้วยครับ
เตียงนอน น่านอนมากกก มี heater ให้ด้วยทุกห้องเลย
มาดูห้องน้ำชั้นล่างบ้าง มีอ่างอาบน้ำพร้อม shower
ขึ้นไปดูชั้นบนดีกว่า
บันไดแคบๆ ไม่เปลืองพื้นที่ดี แต่เวลายกของใหญ่ๆ ทำไงเนี่ย
มาดูห้องนอนชั้นบนกันบ้าง เป็นห้องใต้หลังคา ห้องนี้มีเตียงเดี่ยว 2 เตียง
จองเตียงนี้
น่านอนไหมครับ
วิวจากหน้าต่าง เห็นอ่าวลิบๆ
ฝั่งติดประตู จะเป็นมุมนี้ มีโซฟาเล็กๆ ข้างเตียงด้วย
ห้องนอนชั้นบนอีกห้อง เป็นเตียง Queens Size
มาดูห้องน้ำชั้นบน กันบ้าง อยู่แยกออกมาต่างหากนะครับ
อุปกรณ์ครบ มีราวตากผ้าไฟฟ้าด้วย
มีตู้กระจกอาบน้ำ แต่ไม่มีอ่างอาบน้ำ ยังไงก็ไม่ได้แช่อยู่ดี
สำรวจที่พักแล้ว ออกไปชมบรรยากาศเมืองกันหน่อยดีกว่าครับ
และจะไป ซื้อของที่ ซุปเปอร์กันด้วย
TUI ตุ๋ยๆๆ เห็นทั่วเมืองเลยครับ น่าจะเป็นยี่ห้อเบียร์ของที่นี่
http://www.tui.co.nz/
เราขับรถหาร้านเพื่อซื้อของสดมาทำกินมื้อเย็นกันก่อน จนมาเจอที่นี่ครับ
Four Square Supermarket
เยื้องๆกัน รู้สึกจะเป็น Akaroa Museum และ i-site นะครับ ถ้าจำไม่ผิด
เนื้อสด ผักสด มีหมด แต่เราซื้อเฉพาะเนื้อไก่
ซื้อโยเกิร์ตมาแพคนึง แต่ดันลืมค้างอยู่ในตู้เย็นอีก
ตึกสีหวานๆ ที่พักสำหรับ backpacker
ขับต่อไปยังท่าเรือ โรงแรมนี้สีสดมาก
The black–billed gullhttp://nzbirds.com/birds/gullblackbilled.html
บรรยากาศริมอ่าว ยามเย็น
สะพานตรงท่าเรือนี้ เหมือนเป็นสัญญลักษณ์ ของที่นี่เลยครับ
เราขับเลียบอ่าวไปเรื่อยๆ ก็จะมีพวกร้านค้าต่างๆ คาเฟ่ รวมถึงพวก บริษัทท่องเที่ยว
วันอาทิตย์ ดูเงียบๆ
ตรงนั้น เป็นบ.เรือนำเที่ยว พาชมโลมา
นกนางนวล ใครมาที่นี่ต้องเจอเจ้านกชนิดนี้แน่นอน ฟันธง
ไม่เหมือนนก KEA ไม่เห็นเจอซักตัว
ไปเดินชมร้านขายของแต่งบ้านเก๋ๆ สวยๆทั้งนั้น
เป็นเมืองตากอากาศที่บรรยากาศดีทีเดียว ไม่พลุกพล่าน
บรรยากาศริมอ่าว ก่อนเข้าที่พักกัน
มาถึงที่พัก ตรงที่จอดรถ เจ้าแมวเหมียวก็เดินตรงดิ่งมาคลอเคลีย
หางชูชัน เดินเป็นนางพญามาเลย
กลับมาทำอาหารมื้อสุดท้ายของทริปนี้ รื้อกระเป๋าอาหารดู ปลากระป๋องเหลือเยอะเป็นพิเศษ ต้องจัดการให้หมด
สำหรับวันนี้คงต้องขอลาไว้เท่านี้นะครับ ครั้งหน้าก็จะต้องอำลา New Zealand กันแล้ว แล้วพบกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น