หลังจากที่ครั้งก่อน ประทับใจกับความสวยงามของ Canyonlands National Park และ Dead Horse Point State Park กันแล้ว วันนี้เราจะเดินทางต่อไปยัง
Capitol Reef National Park สำหรับที่นี่ก็มีความสวยงาม และร่องรอยในอดีต ไม่แพ้ National Park อื่น เหมาะสำหรับมาปิคนิค ชมวิวในวันพักผ่อนสบายๆ หลายคนอาจจะมองข้ามที่นี่ไป แต่ผมว่าที่นี่ก็ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือน Utah นะครับ
พร้อมไปปิคนิคกันหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นรถไปเที่ยวกันต่อเลยนะครับ
แผนการเดินทางในวันนี้
http://goo.gl/RdCLsv
วันนี้แพลนสบายๆ ไม่รีบมากครับ เช้าวันนี้ที่ Inca Inn มีบริการอาหารตั้งแต่เช้า ก่อนออกเดินทาง เราเลยไปหยิบพวกขนมปัง เค้กกล้วยหอม มาทานที่ห้อง
สำหรับจุดหมายปลายทางวันนี้อยู่ที่ Capitol Reef National Park ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเศษๆ
เราออกเดินทางต่อตามเส้นทางหมายเลข 191 ผ่านทางเข้า Canyonlands National Park ที่เรามาเมื่อวาน
จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 70 วิวทิวทัศน์สวยงามตลอดทางเลยครับ
หากท้องร้องหรือ หิว ระหว่างทาง ก็แวะกันได้ตามสะดวก สังเกตตามป้าย Exit ข้างทางครับ
กองอันนี้ ไม่แน่ใจเป็นสัญลักษณ์ของอะไร ใครทราบบ้าง
นานๆ จะมีปั้มน้ำมันที เติมให้เต็มถังเสมอ จะได้ไม่ต้องกังวลครับ เพราะบางเส้นหาปั้มน้ำมันยาก พยายามเติมตั้งแต่เช้าในเมืองก่อนออกเดินทาง ดีที่สุดครับ
จากนั้นเราจะใช้ทางออก Exit 164 เพื่อเข้าสู่เส้นทางหมายเลข 24 ไปทาง Hanksville
พอเริ่มเข้าใกล้เมือง Hanksville ก็จะเจอทิวทัศน์สวยๆแบบนี้ครับ บรรยากาศชนบทของแท้ น่าอยู่มาก
พอเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้าย เรายังคงวิ่งอยู่บนเส้นทางหมายเลข 24 วิ่งไปเรื่อยๆ เลยครับ
อีกประมาณ 37 ไมล์ก็จะถึง Capitol Reef National Park แล้ว
ตลอดเส้นทางช่วงนี้ จะมีแม่น้ำ Fremont ไหลผ่านครับ
วิวข้างทางก็ยังเป็นภูเขาหิน รูปทรงแปลกๆ บอกแล้วว่า ห้ามเบื่อ อิอิ
ใครว่าจะมีแต่หิน ดอกไม้สวยๆก็มีนะครับ เส้นนี้ไม่ได้แห้งแล้งเหมือนที่อื่นๆ
ดอกไม้สีเหลืองขึ้นเป็นพรมผืนใหญ่สวยมากๆ อยากจะหาที่จอดข้างทาง ลงไปถ่ายใกล้ๆ แต่ก็ไม่มี
เห็นมาหลายรูปแล้ว สังเกตกันไหมครับ ป้ายทางหลวงในแถบ Utah นี้ ออกแบบเป็นรูปหินด้วย
และสำหรับเส้นที่มีป้าย Scenic by way ก็การันตีได้ว่า เป็นถนนเส้นที่มีวิวสวยแน่นอน ส่วนใหญ่เราก็วิ่งผ่านเส้นพวกนี้ล่ะครับ
โอ๊ย วิวจะสวยไปไหน
เห็นแล้วก็อยากมีบ้านสักหลัง ตื่นมาเห็นวิวแบบนี้ ทุกวันคงมีความสุขน่าดู
สังเกตดูผู้คนแถบนี้ทำเกษตรกันนะครับ มีทั้งไร่ผักสีเขียว บางแปลงก็ปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์
วิวช่วงนี้สวยแปลกตาจริงๆ
และแล้วเราก็เข้าสู่ " Capitol Reef National Park " แล้วครับ แวะลงไปถ่ายรูปกับป้ายสักหน่อย
บริเวณนี้มีห้องน้ำด้วย แต่เป็นส้วมหลุมนะครับ เจอเจ้าหน้าที่มาจัดการ ทำความสะอาดห้องน้ำพอดี เลยได้เข้าห้องน้ำที่กลิ่นยังโอเคอยู่ อิอิ
http://www.nps.gov/care
มาดูแผนที่ของ Capitol Reef National Park กันก่อนครับ
อีก 8 ไมล์ จะถึง Visitor Center ครับ ช่วงนี้เราก็จะแวะเที่ยวตามทางไปเรื่อยๆก่อน
จุดแรก " Behunin Cabin " สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1882 โดย Elijah Cutler Behunin และครอบครัว ซึ่งเป็นกลุ่มแรกๆ ที่มาตั้งรกรากในบริเวณนี้
ก่อนที่พื้นที่นี้จะถูกประกาศเป็น Capitol Reef National Park ตัวบ้านมีขนาดเล็กเพียง 4x5 เมตร มีเพียงห้องเดียว สร้างด้วยหินทราย หลังคาทำจากไม้และดินเหนียว
อาศัยกันอยู่ตามลำพัง พ่อแม่ และลูก 2 คน ใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย แต่อาศัยอยู่ได้เพียงปีเดียว ก็อพยพไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากปัญหาน้ำท่วม บ้าน และสวนผลไม้
จากนั้นทางอุทยานได้เข้ามาทำการบูรณะปรับปรุงในปี ค.ศ.1960 และถือเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เดินทางกันต่อครับ
จนมาถึง Grand Wash มี Trail ให้เดินครับ ระยะทางประมาณ 2.2 ไมล์ แต่เราไม่ได้เดิน แค่แวะลงมาถ่ายรูปเฉยๆ555
และมาถึงจุดนี้ " Navajo Dome " มีที่จอดอยู่ทางขวามือครับ ลักษณะเป็นโดม รูปร่างคล้ายแห้ว
เกิดจากการยกตัวของเนินทราย ตะกอน น้ำ แรงดัน และความร้อนจากใต้ผืนดิน รวมถึงแรงลมที่ช่วยขัดเกลาจนเกิดลวดลายบนพื้นผิว
ผ่านอีก Trail " Hickman Natural Bridge " ระยะทาง 0.9 ไมล์
ขับมาอีกนิดก็จะถึง " Petroglyphs " อายุเก่าแก่กว่า 1000 ปี เป็นภาพที่เกิดจากแกะลงไปเนื้อหิน มีทั้งรูปคน รูปสัตว์ หรือรูปทรงอื่นๆ ที่คล้ายคน
ซึ่งในภาพจะสวมเครื่องประดับ มีทั้งที่ตกแต่งบนศีรษะ หู คอ และลำตัว โดยแต่ละภาพจะแสดงความรู้สึก สื่ออารมณ์ทางสีหน้า
ส่วนรูปสัตว์ต่างๆ มีทั้ง แกะ กวาง สุนัข นก งู และสัตว์เลื้อยคลานชนิดต่างๆ นอกจากนั้นยังมีภาพที่เป็นรูปทรงเรขาคณิต ต่างๆ อีกด้วย
http://www.nps.gov/care/historyculture/fremont.htm
ดูแล้วคล้ายๆ มนุษย์ต่างดาวเหมือนกันนะเนี่ย
ตามเส้นทางจะมีสะพานไม้ ให้เดินชมภาพตามแนวผนังหิน
อันนี้น่าจะคนมือบอน เขียนมากกว่านะครับ
ฝั่งตรงข้ามมีสวนผลไม้ อายุเก่าแก่กว่า 100 ปี
ถือว่าเดินชมกันเพลินๆ เลยครับที่นี่ บรรยากาศดีอีกด้วย
จากนั้นอีกไม่ไกล ก็จะถึง " Historic Fruita School " โรงเรียนเล็กๆ แห่งแรกของที่นี่ สร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1896 เป็นห้องเรียนเล็กๆ
นักเรียนก็มาจากครอบครัวที่อาศัยอยู่ใน Fruita นี้เอง ภายในจำลองบรรยากาศของห้องเรียนไว้ ให้ได้ชม
นอกจากนั้นชาวบ้านยังใช้ที่นี่ เป็นที่ประชุมและ สังสรรค์ กันภายในอีกด้วยนะครับ
http://www.nps.gov/care/historyculture/fruitaschoolhouse.htm
จากนั้นตรงไปยัง Visitor Center กันเลยครับ
ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายเข้า Visitor Center ขวามือ คือ " The Castle " ลักษณะดูคล้ายยอดปราสาท สามารถมองเห็นได้จากริมทางหลวงหมายเลข 24
Visitor Center ตั้งอยู่ที่ปากทางเข้าครับ เดี๋ยวเราลงไปชมภายใน และไปแวะเข้าห้องน้ำกันก่อน
รถคันนี้เท่มาก
ภายในก็เหมือนทุกๆแห่ง มีส่วนจัดแสดงให้ข้อมูล และ ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ
หากใครอยากได้ตราประทับของอุทยานใส่โปสการ์ดไว้เป็นที่ระลึก ก็ลองหาดูครับ ส่วนใหญ่จะวางไว้ตามมุมบริเวณเคาน์เตอร์ หรือที่จำหน่ายของที่ระลึก
สำหรับเส้น Scenic Drive จะเริ่มต้นจาก Visitor Center ไปจนถึง Capitol George ระยะทางประมาณ 7 ไมล์
พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันเลยครับ เส้นทางนี้เป็น Scenic Drive ระยะทางไม่ไกลมาก
สังเกตทางด้านซ้ายมือ คือ " Johnson Orchard " สวนผลไม้ชนิดต่างๆ ปลูกเรียงรายตลอดทาง
ขับมาได้ประมาณ 1 ไมล์ ก็ถึงจุดแรกที่เราจะแวะ อยู่ทางขวามือ ที่นี่คือ " Merin-Smith Implement Shed "
สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1925 โดยชาว Fruita ที่ชื่อ Merin-Smith เขาใช้ที่นี่เป็นทั้งที่ทำงาน ที่เก็บของ และโรงจอดรถ
ฝั่งตรงข้ามก็ยังเป็นสวนผลไม้ตลอดแนว
ถัดมาไม่ไกล มี Picnic Area ด้วยครับ ปากทางเข้ามีต้น " Fruita Mail Tree " ต้นใหญ่แผ่กิ่งก้านอย่างสวยงาม
เลี้ยวเข้าไป ภายในมีลานจอดรถ บรรยากาศร่มรื่น สวยงาม พร้อมโต๊ะปิคนิค ในสนามหญ้าสีเขียวขจี และยังมีห้องน้ำให้บริการด้วย
เราตัดสินใจแวะทานข้าวเที่ยงกันที่นี่ครับ
ทานไป ชมวิวไป มีความสุขสุดๆครับ
ทานข้าวกันเรียบร้อย เดี๋ยวเราไปเล่นกันใกล้ๆแถวนี้ก่อนดีกว่าครับ
บริเวณนี้มีแม่น้ำ Fremont ไหลผ่านด้วย ได้บรรยากาศจริงๆ แค่ฟังเสียงน้ำไหล ก็มีความสุขล่ะ
มี Trail ให้เดินเลียบแม่น้ำด้วยนะครับ เผื่อใครอยากใกล้ชิดธรรมชาติมากกว่านี้ แต่ถ้าไม่อยาก ไปที่จุดต่อไปกันเลยดีกว่า เดินตามคุณลุงคุณป้าไปเลยครับ
ถึงแล้วครับ " Gifford House " ภายในเป็นมิวเซียม และมีขนมขายด้วยครับ แต่เราไม่ได้เข้าไป เพราะคนเยอะ ถ่ายรูปเล่นกันข้างนอกก็พอแระ
http://www.nps.gov/care/historyculture/giffordhomestead.htm
ฝั่งตรงข้ามเป็น Gifford Homestead Barn อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ Capitol Reef National Park
เดินกลับไปเอารถที่ Picnic Area กันดีกว่า เราต้องขับไปด้านในกันต่ออีกครับ
ออกเดินทางต่อกันเลยนะครับ ขับตรงอย่างเดียวเลย
ทางขวามือเป็น Campground อยู่ติดกับ Gifford Homestead Barn มีรถบ้านมาจอดเยอะเลย
ระยะทางของ Scenic Drive ไปกลับ ประมาณ 20 ไมล์ครับ
ถ้าจำไม่ผิดด้านหน้าจะมีกล่องสำหรับจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าชมด้วย ซึ่งไม่เห็นด่านเก็บเงินเหมือนที่อื่นๆนะครับ
ขับมาตามทางเรื่อยๆ ภูเขาหินไล่สีเป็นชั้นๆ สวยทีเดียวครับ โดยหินส่วนใหญ่นั้นก่อตัวมาจากตะกอนโคลนและทราย ต่างๆ
โดยชั้นล่างที่เป็นหินสีน้ำตาลแดงนั้น เกิดจากตะกอนดินเหนียวที่ฝังตัวอยู่ในทะเลสาบมานานกว่า 225 ล้านปี
เรียกชั้นนี้ว่า " Moenkopi Formation " ส่วนหินชั้นบน สีเทา และสีม่วง เกิดจากเถ้าภูเขาไฟ เรียกชั้นนี้ว่า " Chinle Formation"
ด้านหลังที่เห็นเป็นรูปโดมแหลมๆ สีขาว พวกนี้เป็น " Navajo Formation " รูปร่างคล้ายกับอาคารรัฐสภา และนี่เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นที่มาของชื่อ Capitol Reef นั่นเอง
มาถึงแถวๆ Grand Wash ละครับ มีเส้นทางเดินเท้าแคบๆ ท่ามกลางหน้าผาสูง สามารถเดินเข้าไปได้ แต่ต้องระวังหากมีพายุฟ้าฝน เพราะอาจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้
ที่ปากทางเข้าของแกรนด์วอชนี้ หากสังเกตบริเวณฐานของชั้นหินจะมีสีเหลือง เทา ซึ่งมีแร่ Oyler Uranium อยู่มาก
หากสังเกต จะเห็นภูเขาหินบางช่วงจะมีการเอียงตัวลง เนื่องจากแรงดันจากใต้เปลือกโลก ดันชั้นหินตะกอนของที่ราบสูง Colorado ให้พับลงเพียงด้านเดียว
ทำให้เวลาฝนตก หรือหิมะละลาย น้ำก็จะเทไปฝั่งที่ลาดเอียงนั้น จนเหมือนเป็นแอ่งเก็บรองรับน้ำ จึงเรียกลักษณะหินเช่นนี้ว่า " Waterpocket Fold "
ช่วงนี้ฝนกำลังตกปรอยๆ เลยครับ ถ่ายรูปไม่ได้เลย
ตกไม่นานก็หยุด เราขับไปเรื่อยๆ ตามเส้นทาง
จนมาสุดทางที่ป้าย Capitol Gorge ซึ่งต่อจากนี้จะเป็นทางดินแล้ว เราตัดสินใจวนรถกลับออกทางเดิม
ที่จุดนี้มี " Eph hank Tower " ด้วย
มุมนี้เห็นภูเขาหินไล่เป็นแนวยาวเลยครับ หินแต่ละชั้นก็ไล่สีกันสวยงาม
ขับจนมาถึง Visitor Center ก็เลี้ยวซ้ายออกมาที่ถนนเส้นหลักหมายเลข 24 ขับต่อไปเรื่อยๆ ตามทาง
มีจุดชมวิว " Panorama Point " ทางซ้ายมือ โดยจากจุดนี้ยังเดินไปที่ " Gooseneck Overlook " ได้อีกด้วย (แต่หาไม่เจอ)
ก่อนออกจาก Panorama Point เจอน้องหมาน่ารักอีกแล้ว เจ้าของใจดีพามาเที่ยวด้วย
ขับออกไปตามเส้นทางหมายเลข 24 ถัดไปไม่ไกล มีอีกจุดหนึ่งทางขวามือครับ " Chimney Rock "
มี Trail ให้เดินด้วยครับ แต่เส้นทางไกลมาก ไปกลับ 3.5 ไมล์ครับ
จากนั้นเราก็ตรงดิ่งไปยังที่พักของเรา ที่เมือง Torrey ระหว่างทางก็ชมวิวสวยๆกันไปก่อน
ริ่มเข้าเมือง Torrey แล้วครับ ระยะทางจาก Visitor Center ที่ Capitol Reef National Park มาถึง Torrey ประมาณ 10 ไมล์
ถึงที่พักแล้วครับ วันนี้เราพักที่ Austin’s Chuckwagon Motel เลือกที่นี่โดยดูจากอันดับใน Tripadvisor ที่นี่ได้อันดับที่ 2 ครับ
ราคาไม่แพง แถมยังมีครัวให้ทำอาหารอีกต่างหาก ถูกใจวันไลท์มากๆ
http://www.austinschuckwagonmotel.com/
ส่วนห้องพักก็มีทั้งบนตึก และบ้าน Cabin เป็นหลังๆแบบนี้
ด้านหน้าที่พักมีร้านมินิมาร์ทเล็กๆ Chuck Wagon General Store จำหน่ายทั้งอาหารสด อาหารแห้ง เครื่องดื่ม ขนมปัง และของใช้อื่นๆอีกมากมาย
เราจองห้องพักแบบ Family Suite 3 ห้องนอน พร้อม โซฟาเบด และมีครัวสำหรับทำอาหารได้ด้วย ทางเข้าห้องพักอยู่ที่ชั้นบนด้านหลังมินิมาร์ทนี่เองครับ
วิวบนระเบียงหน้าห้อง ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วยครับ แต่เหมือนจะปิดให้บริการอยู่
ตรงไปด้านในกันต่อ
ซ้ายมือจะเป็นส่วนของครัว มีอุปกรณ์ครบทุกอย่าง ด้านในเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น และโต๊ะทานข้าว
ขวามือเป็นส่วนของห้องน้ำ ถัดไปด้านในเป็นห้องนอนที่เหลือ อีก 2 ห้อง
สภาพครัว น่าทำอาหารไหมครับ
ส่วนของห้องนั่งเล่น ก็กว้างขวาง ไม่ต้องบอกว่าคินนี้ โซฟานี้ใครจอง
ห้องนอนอีก 2 ห้องที่เหลือ ตกแต่งแบบเรียบง่าย
ห้องน้ำมีเพียงห้องเดียวครับ ลำบากที่ต้องรอคิวกันนิดหน่อย แต่ไม่เป็นปัญหา
หลังจากนั้นก็ลงมื้อทำอาหารทานกัน และพักผ่อน เตรียมเดินทางสำหรับวันพรุ่งนี้กันต่อครับ
เป็นอันจบสำหรับ Capitol Reef National Park ในวันนี้ ครั้งหน้าจะพาไปชมอีกหนึ่งสถานที่ที่สวยไม่แพ้กัน ที่ Bryce Canyon National Park ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น