วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

U.S. West Coast Road Trip [DAY 8] " Yosemite National Park "

สวัสดีครับ อมยิ้ม17

หลังจากประทับใจกับบรรยากาศและความงามของ Lake Tahoe กันไปแล้ว วันนี้เราจะเดินทางไปชมธรรมชาติกันต่อ ที่ Yosemite National Park ครับ ใช้เวลาเดินทางราวๆ 4-5 ชั่วโมง  สำหรับ   Yosemite National Park แห่งนี้ ตั้งอยู่ตอนกลางของรัฐแคลิฟอร์เนียทางด้านทิศตะวันออก และ อยู่ทางตะวันตกของแนวเทือกเขา Sierra Nevada ครับ  อุทยานแห่งชาติโยเชมิติแห่งนี้ มีพื้นที่กว้างขวางกว่า 3,000 ตารางกิโลเมตร   ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1984 มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมายกว่า 3.7 ล้านคนต่อปี  เชียวครับ

Yosemite National Park เป็นที่รู้จักกันว่ามีผาหินแกรนิตอันโด่งดัง อย่าง Half Dome และ El Capitan รวมถึง  Yosemite Valley หุบเขาที่นักท่องเที่ยวทุกคนนิยมไปเยือน นอกจากนั้นยังมี Yosemite Waterfalls และ ต้น Sequoia ยักษ์  รอให้เราไปสัมผัสความยิ่งใหญ่  พร้อมแล้ว ออกเดินทางไปเที่ยว Yosemite National Park ด้วยกันเลยครับ


แผนการเดินทางในวันนี้


หลังจากออกจากที่พักที่ Lake Tahoe และแวะเติมน้ำมันกันแล้ว  เราก็พร้อมออกเดินทางกันต่อไปยัง Yosemite National Park ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 200 ไมล์ ต้องทำเวลากันนิดนึงครับ  ใช้เวลาเดินทางเกือบครึ่งวัน ดังนั้น เราจะมีเวลาเหลือเที่ยวที่ Yosemite ประมาณ 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น  วันนี้เราใช้เส้นทาง หมายเลข 50 และ 89 ก่อนที่จะเลี้ยวขวาเข้าสู่เส้น 88 ไปทางเมือง Jackson ครับ วิวทิวทัศน์ระหว่างทาง เราก็ยังเพลิดเพลินกับบรรยากาศของหิมะขาวๆ ที่ปกคลุมตามยอดเขากันอยู่
 



พอเริ่มขับขึ้นเขา ก็จะเห็นหิมะใกล้ๆ  วิวสวยมากเลยครับ

 


วิ่งตาม Carson Pass Highway มาเรื่อยๆจนถึง Caples Lake อากาศหนาวมากจนทะเลสาปกลายเป็นลานน้ำแข็งขนาดใหญ่ 





ขับลัดเลาะตามเขาไปเรื่อยๆครับ เห็นหิมะกองเป็นแนว   อยากเจอตอนหิมะกำลังตกจังครับ 


หน้าตารถสิบล้อของที่นี่ ดูทันสมัยล้ำกว่าบ้านเรามาก


 ยังคงวิ่งบนเส้นหมายเลข 88 ไปเรื่อยๆครับ



ลัดเลาะเข้าหมู่บ้านกันบ้างแล้ว บรรยากาศแบบนี้น่าอยู่จัง


จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่เมือง Jackson ครับ บรรยากาศเมืองดูออกแนวคาวบอยนิดๆ แต่เราไม่ได้แวะครับ ออกเดินทางกันต่อเลี้ยวซ้ายไปยังเส้น 49 Golden Chain Highway




แม้จะใช้เวลาเดินทางนาน แต่ก็ได้เห็นวิว บรรยากาศสวยๆ ระหว่างทางครับ  

 

เริ่มเข้าสู่ Carson Hill และ  Sonora ตามลำดับ





  

และวิ่งข้าม New Melones Lake ทะเลสาปขนาดใหญ่
 

จากนั้นวิ่งเข้าสู่เส้น 120 New Priest Grade Road ซึ่งเป็นเส้นทางขับลัดเลาะริมเขาสูง โค้งเยอะทีเดียวครับ 


พอลงเขาก็จะเข้าสู่   Main Street ของ Groveland ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆก่อนจะเข้าสู่ Yosemite มีร้านค้า โรงแรมสำหรับผู้ที่จะพักค้างคืนกันบริเวณนี้ 

จากนั้นก็จะเป็น Big Oak Flat Road วิ่งตรงเข้าสู่ Yosemite National Park ครับ





ใกล้ถึงแล้วครับ อีก 17 ไมล์เท่านั้น 


ต้นไม้ใบหญ้ากำลังผลิใบ มองไปทางไหน ก็เห็นสีเขียวสบายตา 


เข้าสู่ Mariposa County ครับ  สำหรับที่ Yosemite NP ตั้งอยู่ใน 3 Counties คือ Tuolumne, Mariposa และ Madera


บนเส้น Big Oak Flat Road จะมีทางแยกเลี้ยวซ้ายไป Tioga Road ซึ่งเป็นถนนเส้นด้านบน ปกติจะปิดในช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนธันวาคม ถึง พฤษภาคมครับ
 

เข้าสู่ Tuolumne County มีป้ายแสดงการระลึกถึง เจ้าหน้าที่ดับไฟ ที่เสียชีวิตในหน้าที่จากการดับไฟป่า เมื่อปี ค.ศ.2004


จุดชมวิว Rim of The World ที่จุดนี้จะเห็นผืนป่าถูกไฟไหม้กินพื้นที่บริเวณกว้างมากครับ  ถ้าใครได้ดู ข่าวคงจะพอคุ้นๆ เพราะเพิ่งเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี่เองครับ น่าเสียดายมากๆ




ผ่านจากร่องรอยไฟไหม้  ก็มาเจอมุมสวยๆกันต่อ 


ในที่สุดก็มาถึงด่านทางเข้า Yosemite National Park แล้วครับ  ปกติแล้วต้องเสีย $20 ต่อคันครับ แต่เนื่องจากทริปนี้เราจะไปเที่ยว National Park หลายแห่ง เลยซื้อเป็น Annual Pass ราคา $80 เลยดีกว่า สามารถเข้าได้ทุก National Park ภายในเวลา 1 ปีครับ 


เราจะได้บัตร Annual Pass พร้อมกับเอกสาร แผนที่สำหรับเที่ยวภายใน Yosemite ครับ


หากใครต้องการวางแผนการท่องเที่ยวภายใน Yosemite National Park ให้เข้าเวบอุทยานเลยครับ ข้อมูลต่างๆ ครบถ้วน

http://www.nps.gov/yose/index.htm


สำหรับเส้นทางเข้าสู่ Yosemite National Park มี 3 ทางครับ คือ เส้นทางหมายเลข 120, 140 และ 41

เราขับรถมาจาก Lake Tahoe จึงวิ่งเข้าเส้นบนสุด คือ  120 นะครับ


เป้าหมายเราตรงไปที่ Yosemite Valley ครับ



วิ่งผ่านลอดอุโมงค์บนเขา   ถ้าจำไม่ผิดพอออกจากอุโมงค์แรก จะมีที่ให้จอดข้างทางแคบๆ จะเห็นวิวหุบเขาด้านล่างครับ แต่จอดไม่ทัน





หลังจากนั้นก็ผ่านอีกหลายอุโมงค์ ช่วงนี้เป็นช่วงลงเขาละครับ 





เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสู่ Yosemite Valley กันเลย ตอนนี้เราอยู่บน El Portal Road แล้ว ด้านขวามือของเราจะเป็นลำห้วย  Artist Creek น้ำแรงมาก



บรรยากาศเริ่มเข้าป่ากันแล้ว ตรงไปเรื่อยๆเลยครับ ทาง Southside Drive





เริ่มเห็นความยิ่งใหญ่ของผาหิน เราตรงไปที่จุดหมายแรกกันก่อนครับ ที่ Swinging Bridge Picnic Area
  

เดินจากที่จอดรถเข้าไปนิดเดียวก็จะเห็น Swinging Bridge ครับ เป็นสะพานไม้ข้าม Yosemite Creek หากไปยืนบนสะพาน จะสามารถมองเห็น Yosemite Falls ได้

ด้วยครับ ถือเป็นอีกจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นน้ำตกได้อย่างสวยงาม (แต่ผมดันลืมขึ้นไปบนสะพาน)



บรรยากาศโดยรวมดีมากๆครับ เนื่องจากเป็นพื้นที่สำหรับปิคนิค ที่นี่มีโต๊ะทานอาหาร จัดไว้ให้นักท่องเที่ยวมานั่งทานข้าวกันได้ครับ บางครอบครัวก็ไปเล่นน้ำ อาบแดด ที่หาดทรายฝั่งตรงข้าม 




ถ้ายืนบนสะพานจะเห็น Yosemite Falls แบบนี้ครับ
 
 cr:http://www.yosemitehikes.com/yosemite-sampler/yosemite-falls.htm
 
มานั่งชิลๆ ปิคนิค ทานข้าวกัน โอเคเลยครับ มาเสียบรรยากาศตรงกลุ่มเด็กฝั่งตรงข้าม ปาก้อนหินลงน้ำกัน แถมยังปามาทางฝั่งเราอีก  ผู้ใหญ่ก็ไม่ดูแลกันเลย



จากนั้นขับต่อไปยัง  " Sentinel Meadow " ซึ่งเป็นทุ่งหญ้ากว้าง มีฉากหลังเป็นผาหิน และเห็นน้ำตก  Yosemite Falls ไหลตกลงมา สวยงามมากครับ หากมีเวลา สามารถเดิน trail ดื่มด่ำกับธรรมชาติกันได้อีกด้วย

http://www.yosemitehikes.com/yosemite-valley/sentinel-cook-meadow/satellite-view.htm 





ถัดไปอีกนิด ทางขวามือ จะเจอ " Yosemite Chapel " เป็นโบสถ์ไม้ขนาดเล็กที่สวยงาม สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1879  ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุด และเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของ Yosemite
National Park ครับ  นอกจากนั้นยังสามารถจัดงานแต่งงานที่นี่ ได้ด้วยครับ สนใจกันไหม อิอิ

http://www.yosemitevalleychapel.org/



ฝั่งตรงข้ามกับโบสถ์ ยังสามารถมองเห็น Sentinel Meadow และ Yosemite Falls ได้ครับ
 

จากนั้นขับตรงไปเลี้ยวซ้ายข้ามสะพาน ไปยัง " Cook's Meadow Loop " ครับ  จุดนี้สามารถมองเห็น  Yosemite Falls ได้เช่นกัน และมี  Trail สั้นๆให้ได้สัมผัสธรรมชาติอีกด้วย 

จริงๆอยากไปเดินมาก แต่ไม่มีเวลาครับ 






ออกจาก Cook's Meadow Loop เราจะนำรถไปจอดไว้ที่ลานจอดรถ (จุด F) เพื่อขึ้น Shuttle Bus ไปยังจุดต่างๆ ของ Yosemite Valley 


แผนที่จุดจอด Shuttle Bus 


หาที่จอดรถเสร็จเรียบร้อย เราก็เดินมารอ Shuttle Bus กันที่ป้ายรถ ริมถนนทางเข้า จุดนี้เป็นต้นสายนะครับ  รถก็จะขับวน แวะจอดตามจุดต่างๆ



เนื่องจากเรามีเวลาไม่มาก นั่งมาลงที่จุดที่ 6  " Lower Yosemite Falls " กันเลยครับ

จริงๆแล้วจุดนี้สามารถขับรถมาจอดที่ด้านหน้าได้ แต่ที่จอดมีจำกัด ต้องเสี่ยงเอาหน่อยนะครับ   นั่ง Shuttle Bus จะสะดวกกว่าครับ



เราจะเดินวนเป็น Loop ตามนี้ครับ ใช้เวลาเดินไปกลับประมาณ 30 นาที 


ทางเดินมี Yosemite Creek ไหลผ่าน น้ำไม่ค่อยเยอะครับ แต่น้ำใสทีเดียว นอกจากนั้นก็มีโต๊ะปิคนิค และห้องน้ำให้บริการ อยู่ด้านใน 



เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็เจอ Yosemite Falls แล้วครับ มุมนี้เห็นทั้ง Lower และ Upper พร้อมกันเลย  เป็นมุมมหาชนจริงๆ อิอิ เราไม่ได้เดินไปถึงตัวน้ำตก เพราะคิดว่าคงไม่มีอะไร เลยเดินวนออกอีกด้านกันเลยครับ




สังเกตเห็นต้นสนบางต้นก็ล้มขวางห้วยน้ำ ไม่แน่ใจว่าแห้งตาย หรือโดนอะไรมา ต้นใหญ่ๆทั้งนั้นเลยครับ
  


ออกมารอ Shuttle Bus เพื่อเดินทางไปยังจุดต่อไปครับ  ใช้เวลารอไม่นาน ไม่เกิน 10 นาทีก็มาล่ะครับ ถ้าโชคดีก็มีที่นั่ง อิอิ


บรรยากาศภายในรถ


ผ่าน Yosemite Lodge


Visitor Center


ผ่าน Curry Village คนเยอะทีเดียวครับ 


นั่งจนมาถึงจุดที่ 17 Mirror Lake Trailhead เราจะไปชมเงาสะท้อนของผืนน้ำ ว่าจะสวยงามขนาดไหน   ใช้เวลาเดินไปกลับประมาณ 1 ชั่วโมงครับ หากใครไม่อยากเดินก็นั่งรออยู่ที่ป้ายรถกันไปก่อน


ที่เราจะไปเป็นเพียงแอ่งน้ำขนาดเล็กนะครับ ไม่ใช่ทะเลสาปตามชื่อ เห็นป้ายบอกว่าที่นี่เป็นถิ่นของสิงโตภูเขาด้วย ฉะนั้นต้องระมัดระวังกันนิดนึงครับ
 

เดินมาไม่ไกลก็จะเจอ Tenaya Creek ครับ ซึ่งเกิดจากการละลายของหิมะบนยอดเขา  ลงมาเป็นแอ่งน้ำ และไหลลงมาที่บริเวณนี้ครับ  เราเดินข้ามสะพานนี้ไปนะครับ จริงๆดูตามป้ายจะมีเส้นทางเดินไปทางขวาด้วย ซึ่งทางเดินจะแคบ เหมือนเดินในป่าครับ เกือบเดินผิดแล้วไหมล่ะ อิอิ
 

เส้นทางเดินร่มรื่นไปด้วยป่าสน เป็นทางเดินราดยางตลอดเส้นครับ บางจุดก็อาจจะเป็นเนินชันเล็กน้อย


ระหว่างทางเดินก็จะได้ยินเสียงธารน้ำไหล เสียงนกร้อง ตลอดเวลา



ในที่สุดก็มาถึงจุดแรก เหนื่อยใช้ได้เลย แฮ่กๆ  จุดนี้เป็นแอ่งน้ำก่อนที่จะไหลเป็นธารน้ำที่เราได้ยินตลอดทางที่เรา เดินมาครับ   ส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัว มีเด็กๆลงไปเล่นน้ำกันบ้าง น้ำเลยไม่ค่อยนิ่งเท่าไรครับ เงาสะท้อนเลยไม่ค่อยเห็น 
  
 

จุดนี้เราสามารถมองเห็น Half Dome ได้ด้วยครับ 



ถัดไปอีกนิดจะเป็นเวิ้งน้ำที่กว้างกว่า น้ำไม่นิ่งเหมือนเคยครับ  ผิดหวังเล็กน้อย เดินกลับดีกว่า



 สำหรับ Trail อื่นๆ สามารถดูได้ในเวบของอุทยานนะครับ มีข้อมูลครบทุกอย่าง
 

จากนั้นเราก็นั่ง Shuttle Bus กลับไปที่ลานจอดรถ เพื่อไปเอารถและเตรียมเดินทางออกจาก Yosemite Valley ทางเส้น Northside Drive




ระหว่างทางเจอแสงสวรรค์


วนกลับมาทางเดิม แต่เราต้องเลี้ยวขวาไปทาง Wawona ก็จะเจอ  Bridalveil Falls Trail ครับ 


ขับต่อไปยัง Tunnel View ครับ อยู่ทางขวามือ มีที่จอดรถกว้างพอสมควร จุดนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพครับ เรียกว่า ถ้ามาเยือน Yosemite แล้วพลาดจุดนี้ไป ถือว่ามาไม่ถึงนะครับ

ที่เรียกว่า Tunnel View ก็เนื่องจากจุดชมวิวแห่งนี้อยู่ติดกับ อุโมงค์ คือ หากขับรถมาทาง Wawona Road มุ่งหน้าสู่ Yosemite Valley พอออกจากอุโมงค์ก็จะเจอจุดชมวิวแห่งนี้ทันทีครับ
 


จากซ้ายไปขวา คือ El Capitan, Horsetail Falls, Clouds Rest, Half Dome, Sentinel Rock, Cathedral Rocks และน้ำตกหนึ่งเดียว Bridalveil Falls


 


เก็บภาพกันเรียบร้อยก็ขับต่อ ผ่านอุโมงค์ที่อยู่ติดกับจุดชมวิว  


ทางต่อจากนี้จะเป็นทางลงเขาแล้วครับ บางช่วงก็คดเคี้ยวมาก เราขับต่อตามเส้น 41 Wawona Road 
 


พอเจอสามแยก เราขับตรงไปที่ Mariposa Grove Road เพื่อไปดูต้น Sequoias ยักษ์กันครับ ซึ่งปกติทางเส้นนี้จะเปิดตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน และปิดในช่วงฤดูหนาว

http://www.nps.gov/yose/planyourvisit/mg.htm
 

ขับเข้ามถึงบริเวณที่จอดรถ รถเยอะเหมือนกันครับ 


นักท่องเที่ยวหลายคนกำลังเดินกลับออกมา ก่อนแสงจะหมด  เพราะตอนนี้เวลาก็เย็นเต็มทีแล้ว  



แผนที่สำหรับเดิน Trail ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นไป ขึ้นอยู่กับเส้นทางการเดิน



จาก Mariposa Grove ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงที่พักของเรา " BEST WESTERN PLUS Yosemite Gateway Inn " ที่เมือง Oakhurst ครับ

http://goo.gl/AQtz5 


าเช็คอินกันก่อน  Lobby ที่นี่กว้างขวาง ดูโอ่โถงมากครับ




ขึ้นมาที่ชั้นบนล๊อบบี้ มีของตกแต่ง ตุ๊กตาน่ารักๆ จำหน่ายด้วย แต่ราคาสูงไปนิด  สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นหมี เพราะที่ Yosemite เป็นถิ่นของเจ้าหมีครับ  






บริเวณลานจอดรถครับ มีรูปปั้นเทพีเสรีภาพด้วยนะ


ถัดมาเป็นส่วนของห้องอาหาร


และถัดมาก็ถึงที่ห้องพักของเราแล้วครับ อยู่บนตึกนี้


บนเสาตึกยังแอบมีรูปปั้นหมี น่ารักเชียว




ห้องที่เราจอง เป็นห้อง Suit 3 Queen Beds + Sofa Bed ครับ  เปิดประตูห้องเข้ามาก็จะเจอเตียงควีน 2 เตียง  ผนังหัวเตียงตกแต่งด้วยภาพวาด Tunnel View ของ Yosemite National Park 




จากประตูตรงเข้าไปจะเป็นห้องนอนอีก 1 ห้องครับ  ส่วนประตูซ้ายมือจะเข้าไปในส่วนของตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น และห้องน้ำ


ภายในห้องนอนใหญ่ ประกอบด้วยเตียงควีน 1 เตียง พร้อมชุดเก้าอี้ และโซฟาเบด 




ส่วนนี้จะเป็นส่วนด้านหน้าห้องน้ำครับ มีตู้เสื้อผ้า และ Pantry ตู้เย็น ไมโครเวฟ อ่างล้างจานให้พร้อม


และภายในห้องน้ำครับ แม้จะมีเพียงห้องเดียว ต้องต่อคิวเข้ากันหน่อย ก็ถือว่าโอเคนะครับ กับราคาห้องคืนละประมาณ $130 ถือว่าสะดวกสบายและคุ้มสุดๆครับ ประทับใจที่นี่มากๆ เป็นอีกตัวเลือกสำหรับคนที่แวะมาเที่ยว Yosemite National Park ครับ



เป็นอันจบในส่วนของ Yosemite National Park ครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น