หลังจากคราวก่อนพาไปชื่นชมธรรมชาติอันยิ่งใหญ่กันที่ Yosemite National Park มาแล้ว วันนี้จะพาไปเที่ยวเมืองใหญ่ที่ยามค่ำคืนมีแสงสีตระการตา กันบ้างครับ โดยเราจะออกเดินทางข้ามรัฐ จากรัฐ California ไปยังรัฐ Nevada ครับ เริ่มต้นการเดินทางจากที่พักในเมือง Oakhurst ผ่านเมือง Fresno และ Bakersfield ไปยังจุดหมายปลายทางที่ Las Vegas บนระยะทางกว่า 436 ไมล์ ใช้เวลาเดินทางยาวนานถึง 7 ชั่วโมง เรียกได้ว่านั่งรถกันจนเมื่อยเลย
สำหรับ Las Vegas นั้นเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ใครๆ ก็ต้องรู้จักในนามของ " Sin city " หรือเมืองคนบาปนั่นเอง เนื่องจากลาสเวกัสเป็นมืองที่เติบโตมาจากธุรกิจการ พนัน และพัฒนามาจนเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางแห่งความบันเทิงเต็มรูปแบบ ทั้งคาสิโน โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า การแสดงโชว์ต่างๆ รวมถึงแสงสียามค่ำคืนที่เป็นจุดเด่น ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยือนที่นี่ครับ
พร้อมจะไปตะลุยแสงสีที่ลาสเวกัสกันหรือยังครับ ตามขึ้นรถกันมายาวๆ เลยครับ
แผนการเดินทางในวันนี้
หลังจากนอนพักกันที่ BEST WESTERN PLUS Yosemite Gateway Inn กันเต็มอิ่ม เราก็ถ่ายรูปกันบริเวณโรงแรมเป็นที่ระลึกในตอนเช้า ก่อนออกเดินทางกันต่อ
เมือง Oakhurst แม้จะเป็นเมืองไม่ใหญ่ แต่ก็มี ปั้มน้ำมัน ร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ต่างๆ เพียบพร้อมเลยครับ อย่างใกล้ๆที่พักก็มี ซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อ Raley's ด้วย สะดวกมาก
เราแวะเติมน้ำมันให้เต็มถังกันก่อน เพราะวันนี้ต้องเดินทางกันไกลครับ
ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมือง Fresno ทาง Highway 41
ระหว่างทางมีไร่องุ่น ไร่ผลไม้ พร้อมมีผลผลิต ให้เลือกซื้อกันด้วย
พอถึงเมือง Fresno เปลี่ยนไปวิ่ง Highway 99 มุ่งหน้าไปยัง Bakersfield
เวลาวิ่งระยะทางไกลๆ แบบนี้ สังเกตป้ายข้างทาง มักจะมี Rest Area อยู่เป็นระยะ ให้แวะพักเหนื่อย เข้าห้องน้ำ กันครับ
ห้องน้ำแทบทุกแห่งสะอาดสะอ้าน ได้รับการดูแลอย่างดี บางแห่งก็มีตู้จำหน่ายเครื่องดื่ม ขนม อัตโนมัติไว้บริการด้วย
จริงๆแล้วเส้นทางนี้ส่วนใหญ่จะแห้งแล้ง ตลอดสองข้างทาง แต่ก็ยังพอมีวิวสวยๆ ต้นไม้เขียวๆ ให้พอเห็นอยู่บ้าง
จาก Bakersfield จะเปลี่ยนมาวิ่งบน Highway 58 มุ่งหน้าไปทาง Barstow ครับ
บน Highway 58 ช่วงก่อนถึงแยกไปเส้น 202 จะเห็นฝูงกังหันลมมาแต่ไกล เยอะมากครับ ทั้งอันใหญ่ อันเล็กอันน้อย เต็มไปหมด เนื่องจากบริเวณนี้เป็นที่โล่ง ลมแรง จึงมีการสร้างกังหันลมไว้เพื่อใช้ประโยชน์จากพลังงานลมนั่นเองครับ
การขับรถต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ด้วย เพราะนอกจากลมแรงแล้ว ถนนเส้นนี้ยังมีรถบรรทุกวิ่งเยอะมาก แต่ละคันวิ่งกันเร็วๆ ทั้งนั้น ไม่เหมือนบ้านเรา คลานเป็นเต่า555
หลังจากนั้นก็ใกล้ถึงทางแยกไป Mojave ละครับ แถวนี้มีสนามบินด้วย Mojave Airport
แวะพักกันที่ Rest Area อีกครั้ง แต่ละที่ที่ไปแวะ ออกแบบแตกต่างกัน สวยทุกที่เลยครับ และที่นี่ยังมี Travel Coupon Guide แจกอีกด้วย ซึ่งเราสามารถใช้จองที่พักโรงแรมต่างๆ ได้ในราคาที่ประหยัด และถูกกว่าปกติ
เข้าห้องน้ำห้องท่ากันเรียบร้อย แวะเติมน้ำมันกันก่อนครับ
76 เป็นอีกแบรนด์ที่พบเห็นทั่วไป ที่อเมริกา มีน้ำมันหลายแบรนด์มากครับ
พอเข้าสู้ Barstow จะใช้เส้นทาง Highway 15 มุ่งหน้าสู่ Las Vegas
บนเขาลูกนั้น มีตัวหนังสือเขียนว่า Calico ที่นั่นคือ Calico Ghost Town ครับ เดิมที่นี่เป็นเหมืองเก่า ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว
http://cms.sbcounty.gov/parks/Parks/CalicoGhostTown.aspx
บรรยากาศสองข้างทาง โล่งแบบนี้ครับ แถมอากาศข้างนอกก็ร้อนอยู่เหมือนกัน กว่าจะถึงลาสเวกัส อีก 100 กว่าไมล์ครับ
บางจุดจะมีกล้องจับความเร็วอยู่ตรงกลางถนนแบบนี้นะครับ ต้องระวังกันให้ดี อย่าขับเร็วจนเกินกำหนด ไม่งั้นโดนค่าปรับบานแน่ครับ
ตอนแรกอยากจะแวะไป Death Valley ด้วยครับ แต่ต้องมีเวลาต่ำๆ 1 วัน
วิ่งต่อไปเรื่อยๆ อีกประมาณชั่วโมงก็คงจะถึงครับ
บางช่วงก็มีวิวสวยๆ นะครับ
พอเริ่มเข้า รัฐ Nevada ก็เริ่มเห็น รีสอร์ท คาสิโนต่างๆ บริเวณนี้อยู่นอกเมือง เลยพอมองเห็นว่า เมืองลาสเวกัส นั้น จริงๆแล้วตั้งอยู่บนทะเลทราย ถือเป็นการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่แทบจะไม่มีประโยชน์ให้กลายเป็นเมืองใหญ่ ที่ดึงดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ ถือว่าเก่งจริงๆครับ
พอเข้าสู่ตัวเมือง Las Vegas จากฟ้าหม่นๆ ก็เริ่มใสปิ้ง ตอนนี้เราอยู่บน ถนน เส้นหมายเลข 15 Las Vegas Freeway ครับ
ด้านขวามือจะเห็นโรงแรม รีสอร์ท หรูๆ ชื่อดังมากมาย แต่ละตึกถูกดีไซน์อย่างสวยงาม เรียงรายเป็นแนวยาวตลอดเส้น
จากเส้น Las Vegas Freeway เราขับออกที่ทางออกที่ 38 เลี้ยวขวาเข้าสู่ West Flamingo Road เพื่อกลับรถไปยัง South Las Vegas Boulevard หรือเป็นที่รู้จักในชื่อของ Las Vegas Strip ครับ ซึ่งโรงแรม รีสอร์ท คาสิโน หรูๆ ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บนถนนเส้นนี้
พอเรากลับรถมา จะผ่านโรงแรม Bellagio จากนั้นให้เตรียมตัวเลี้ยวขวาเลยครับ สังเกตป้าย The Jockey Club บริเวณอาคาร The Cosmopolitan แล้วเลี้ยวเข้าไปได้เลย
http://www.jockeyclubvegas.com/
ขับตรงไปเรื่อยๆ ซ้ายมือจะมีป้ายให้เลี้ยวขึ้นไปที่ชั้น B3 ซึ่งเป็นอาคาร The Cosmopolitan ตามแผนที่นี้เลยครับ
เราสามารถใช้ลิฟท์ได้เฉพาะตัวนี้ Jockey Club Elevators เพื่อไปยังส่วนต่างๆของโรงแรม
การเดินทางภายในโรงแรม แม้จะต้องขึ้นลิฟท์ เดินเข้าออก หลายจุด ซึ่งอาจจะซับซ้อนไปนิด แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปครับ
มาเช็คอินกันก่อนครับ ก็จะได้คีย์การ์ด เอกสาร และแผ่นกระดาษสำหรับวางหน้ารถ เพื่อสามารถจอดรถที่ลานจอดรถได้ครับ สารภาพว่าตอนแรกยัง งงๆ ว่าห้องพักอยู่ส่วนไหนนะ เพราะมีลิฟท์ หลายตัวมากครับ ต้องเดินตัวเปล่าไปสำรวจก่อนว่าเดินไปที่ห้องพักยังไง แล้วค่อยเดินกลับมาตามครอบครัว และขนสัมภาระขึ้นไปครับ
ขึ้นลิฟท์ และออกจากลิฟท์มาอีกฝั่งประตู มายังชั้นที่มีสระว่ายน้ำ เดินผ่านสระว่าย น้ำตรงไป จะเจอประตูกระจก สอดคีย์การ์ดเพื่อเข้าไปภายในอาคาร
จากนั้นเลี้ยวขวา ผ่านห้องอาหารและเดินตรงไปจนสุด เลี้ยวขวาอีกที จะเจอลิฟท์ เราพักที่ชั้น 5 ครับ
ออกจากลิฟท์ ก็จะเห็นห้องพักเรียงรายสองฝั่ง เราได้ห้อง 510 ซึ่งเป็นฝั่งขวาที่ไม่เห็นวิว Bellgio แต่จะเห็นเป็นผนังอาคารแทน ส่วนฝั่งขวามือ น่าจะเป็นห้องที่เห็นวิว Bellagio ครับ
จริงๆตอนจองก็รีเควสมาแล้วว่าขอวิว Bellagio แต่ทางโรงแรมก็ไม่การันตีว่าจะได้ห้องแน่นอน ต้องมาแจ้งตอนเช็คอิน อีกรอบอยู่ดี สรุปที่ฝันไว้จะได้เห็นวิวน้ำพุ จากห้องนอนก็เป็นอันพลาด
สำหรับการจองผมเมลไปสอบถามราคาและส่วนลดกับทางโรงแรมโดยตรงครับ เพราะช่วงที่จอง ในเวบไม่มีแบบ 2 ห้องนอนครับ
วิว Bellagio จะเป็นแบบนี้ครับ
cr:http://www.jockeyclubvegas.com/accommodations/photo-gallery/
พอเปิดห้องเข้าไปปั๊ป ว้าว ห้องสวยมาก ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ เพราะส่วนใหญ่หารีวิวจากที่นี่ไม่ค่อยมีครับ ที่เห็นก็แค่บางมุม แถมรูปไม่ค่อยชัดอีกด้วย
ขวามือจะเป็นโต๊ะทานข้าวครับ ด้านในเป็นโซฟายาวนั่งเล่นขนาดใหญ่มาก ใช้เป็นที่นอนได้สบายๆ
ด้านซ้ายมือเป็นส่วนของครัวครับ มีอุปกรณ์ครบชุดทั้ง เตาไฟฟ้า เตาอบ ไมโครเวฟ เครื่องล้างจาน พร้อม
ที่เราเลือกพักที่นี่ ก็เพราะมีครัวด้วย จะได้ทำอาหารทานกัน
จากครัว เลี้ยวซ้ายตรงไป ขวามือจะเป็นห้องนอนเล็กครับ หรูใช้ได้เลยนะ
ฝั่งตรงข้ามห้องนอน เป็นห้องน้ำครับ
ถัดไปที่ด้านในสุด จะเป็นห้องนอนใหญ่ Mater Bedroom ห้องนี้กว้างทีเดียวครับ
และนี่ที่นอนของผมเอง
ภายในห้องยังมีห้องเล็กๆ สำหรับแต่งตัว อีกห้องครับ
และมีห้องน้ำอยู่ภายในห้องนอน ห้องนี้มีอ่างอาบน้ำให้ด้วยครับ
หลังจากสำรวจห้อง เก็บของกันเรียบร้อย เดี๋ยวเราออกไปเดินชมเมือง Las Vegas กันครับ
เดินออกมาบริเวณด้านหน้าของออฟฟิศ
จะมีทางเดินผ่านไปยัง Bellagio ซึ่งอยู่ติดกันครับ นี่ไงถึงแล้วครับ อิอิ
http://www.bellagio.com
มองทาง Strip แล้วยังสว่างอยู่ เดี๋ยวเราเข้าไปดูสวนดอกไม้ ใน Bellagio กันก่อนดีกว่าครับ
บริเวณทางเข้าด้านนอก โอ่อ่า อลังการมากครับ ที่ Bellagio ถือเป็นสถานที่ติดอันดับ ที่นักท่องเที่ยวจะต้องมา เมื่อมาเยือนลาสเวกัส
พอเดินเข้ามาด้านใน ก็จะเจอ Lobby กว้างขวางทีเดียวครับ สะดุดตาที่บนเพดานสูง 18 ฟุต มีโคมระย้า ซึ่งเป็นประติมากรรม ที่ทำจากแก้ว มีชื่อว่า " Fiori di Como "
สร้างสรรโดยประติมากรชื่อดัง Dale Chihuly ซึ่งมีผลงานแสดงโชว์ ในพิพิธภัณฑ์ ที่มีชื่อเสียงมากมายทั่วโลก
http://www.bellagio.com/attractions/fiori-di-como.aspx
ด้านซ้ายเป็นเคาน์เตอร์เช็คอิน ตกแต่งด้วยดอกไม้อย่างสวยงาม
ด้านหลังของเคาน์เตอร์ จำลองเป็นสวนผีเสื้อ ดูแล้วร่มรื่นมาก
มุมอื่นๆ ก็สวยงามไม่แพ้กันครับ นักท่องเที่ยวต่างพากันเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก หามุมที่ไม่มีคนยากมาก
มาถึงส่วนของ Conservatory & Botanical Gardens เป็นส่วนจัดแสดงสวนทั้งต้นไม้และ ดอกไม้ ถือเป็นจุดดึงดูดที่สำคัญอีกอย่างของ Bellagio ครับ โดยสวนนี้จะมีการ
ตกแต่งเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ทั้ง Summer, Autumn และ Winter
http://www.bellagio.com/attractions/botanical-garden.aspx
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEitBeX62XvKUq1PwhSYgyORro9AR5kLF3PVCzd37RT7Xi7Xr-bamfbWnCj1yvn-oIpO966iyY_omkAFnyMsbNthhDjNIRhO5LNT1mRiOhj-vZdCXAgslM9RSZ0UBTUbaRpsOno1D_lTTjTy/s1600/94DSC_8571.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQ-T_rKRzGXv0AveCrDgAOWMYClDgStEew3hLleOIoov9R0vemqvtaFBFYDSB4wzkkFhwWlbKK9Ci6WrF1Q92gn9Yb5zW6k8K1WCJd2wsg9RxVQRQfFu4d7X2u7LHE20072-VgNyjjXV2H/s1600/93DSC_8572.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEglipT7mPr3J5V_bX_0uCdSKmca-6vY4A9W52QoAcxG2kSj2srMZU42o1a5x2SwD6Uaal2bd8pcc15O0SpRQTsFerWcR88FcXATWOa-UEOTULGFkhKocyALeRbd2KDbYCEWPX6GwnCDfXxT/s1600/95DSC_8578.jpg)
สำหรับสวนที่เรากำลังชมอยู่นี้เป็น ธีม Summer Garden Party ที่มีทุ่งดอกไม้บาน สีสันตระการตา เหล่าหนอนน้อย ผีเสื้อ ต่างออกหากิน เป็นความสดใสของเหล่าบรรดาสิ่งมีชีวิตท่ามกลางป่าฤดูร้อนครับ พวกเราถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกกันนิดหน่อย คนเยอะมากครับ แทบจะเบียดกันเลยทีเดียว แสงภายในก็น้อย ถ้าใครจะมาแนะนำเอาขาตั้งกล้องมาด้วยนะครับ
ใน Bellagio ยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ ให้เลือกมากมายหลายร้านครับ ใครหิวก็แวะฝากท้องกันได้
http://www.bellagio.com/restaurants/
หลังจากชมสวนดอกไม้ด้านในเสร็จ ออกมาด้านนอก อ้าวมืดซะแล้ว ตอนแรกคิดว่ารอช่วงทไวไลท์ จะถ่ายรูปแสงสวยๆ ซักหน่อย ตอนนี้ก็ได้ยินเพลงบรรเลงของโชว์น้ำพุอยู่ครับ คงไปไม่ทัน ไว้รอรอบหน้าดีกว่า
เดินออกมาเส้นถนน Strip ด้านขวามือเห็นหอไอเฟล และลูกโลกสีฟ้า แบบนี้ ที่นี่คือ โรงแรม Paris Las Vegas
ส่วนด้านขวาตรงข้ามกับ The Cosmopolitan เป็นที่ตั้งของ Planet Hollywood
http://www.planethollywoodresort.com/
ถ่ายบรรยากาศรอบๆ แล้ว เราก็มายืนรอ จับจองพื้นที่ชมกันก่อน เพื่อชมการแสดงโชว์น้ำพุ ของ Bellagio ประกอบแสงสี และเสียงเพลงกัน ชมฟรีนะครับ
สำหรับรายละเอียดรอบการแสดง ลองเข้าไปชมได้ที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.bellagio.com/attractions/fountains-of-bellagio.aspx
พอโชว์เริ่มขึ้น เพลงบรอดเวย์ ก็ถูกเปิดขึ้นประกอบการแสดงโชว์ ฟังแล้วนุ่มนวล ละมุนไปกับสายน้ำมากๆเลยครับ
ถือเป็นอีกโชว์ที่ประทับใจ ใครมาเยือนลาสเวกัสแล้ว ห้ามพลาดเด็ดขาดครับ
ปั้ง!! เสียงน้ำพุพุ่งขึ้นมาเป็นฉากสุดท้าย ก่อนที่จะจบโชว์อย่างสวยงาม
ยังคงวนเวียนอยู่แถวๆ หน้า Bellagio ครับ
เดินต่อไปทางซ้าย บริเวณสี่แยก ด้านขวามือเป็น Bally's
เดินเข้าตึกเพื่อขึ้นบันไดเลื่อน ข้ามไปฝั่งตรงข้ามครับ
คนเยอะมากกก บนสะพานลอยก็มืดๆ มีพวกคนผิวสี มายืน มานั่ง คล้ายๆขอเงิน ด้วยครับ น่ากลัวเหมือนกัน
บนสะพานมองเห็น Caesar Palace ด้านข้าง เป็นตึกที่ยาวทีเดียวครับ
ข้ามสะพานลอยมาฝั่งตรงข้าม เลยได้มุมบริเวณสี่แยกมา ถ่ายได้สองช็อตก็ต้องเดินต่อล่ะครับ กลัวที่บ้านรอ
ที่ Caesar Palace ตกแต่งออกแนวกรีก โรมัน
http://www.caesarspalace.com/
มีโดมสีขาวอยู่ด้านหน้าติดกับ Strip เห็นมีช่างภาพมาถ่ายคู่บ่าวสาวกันด้วย
จากนั้นคิดว่าจะไปเดินชมบรรยากาศเรื่อยๆ ตาม Strip กันต่อ แต่ที่บ้านเริ่มขี้เกียจแล้ว ครึ่งนึง เลยขอนั่งรอกันอยู่แถวๆโดมนี้
ที่เหลือเลยเดินเที่ยวกันต่ออีกหน่อยครับ เดินเข้าไปใน Ceasar Palace เค้าต่อแถวทำอะไรกันนะ คนเยอะเลย สุดท้าย อ๋ออออ ขึ้นแท็กซี่ 555
พยายามหา พระพรหม ซึ่ง คุณกำพล วัชรพล เจ้าของไทยรัฐ สร้างขึ้นที่นี่ แต่หาไม่เจอครับ
เดินไปแล้วก็เดินวนออกมา ไม่ได้เข้าไปด้านในครับ
อ๊ะ นั่น Mirage มีโชว์ภูเขาไฟนี่นา
http://www.mirage.com/
ฝั่งตรงข้ามเป็น Flamingo ครับ
น้ำพุด้านหน้า Ceasar Palace
จากนั้นที่บ้านก็ไม่ไหวละครับ ไม่อยากเดินต่อกันแล้ว อยากกลับไปพักผ่อน พอถึงห้อง ก็ทำผัดหมี่ทานกันครับ เป็นอันจบคืนแรกที่ลาสเวกัส
เช้าของอีกวัน โปรแกรมวันนี้ไม่มีอะไรมากครับ ไปถ่ายรูปกับป้าย Welcome to Las Vegas ไปช็อปปิ้ง และกลับมาเดินชมบรรยากาศยามค่ำคืนกันต่อ
เริ่มออกเดินทางมุ่งหน้าไปถ่ายรูปที่ป้ายกันก่อนเลยครับ จากโรงแรม เราเลี้ยวขวาไปทาง Strip หรือ South Las Vegas Boulevard
ซึ่งฝั่งนี้ก็มีโรงแรม คาสิโนหรูๆ มากมายเช่นกัน ทางขวามือ เป็น Monte Carlo
ฝั่งตรงข้ามเป็น Coca Cola Store และ M&M's World
ถัดจาก Monte Carlo คือ New york-New york ซึ่งมีจุดเด่นคือจำลองเทพีสันติภาพ และตึกสูงจากนิวยอร์คมาไว้ที่นี่ครับ นอกจากนั้นยังมีสะพาน Brooklyn จำลอง รวมถึงเครื่องเล่น Roller Coaster อีกด้วย
http://www.nynyhotelcasino.com
ต่อไป ก็มาถึง Excarlibur ที่มีจุดขายเป็นปราสาทแห่งคิงอาเธอร์ สีสันสดใส ดูเหมือนในเทพนิยายเลย ว่าไหมครับ
https://www.excalibur.com/
Luxor โรงแรมที่มีรูปทรงเป็นพีระมิด ภายในมีสุสานจำลองของ Tutankhamun
http://www.luxor.com/
และโรงแรมคาสิโนที่หรูหราสุดๆ Mandalay Bay ภายในเปิดให้สัมผัสกับฉลามและโลกใต้ทะเล ที่นี่หรูน่าพักมากครับ แต่ราคาสูงไปหน่อย นอกจากนั้นชั้นบน ยังมีมุมถ่ายภาพเมืองลาสเวกัสสวยๆ อีกด้วยนะครับ
http://www.mandalaybay.com/
ขับตามเส้นทางไปเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณป้าย " Welcome to Las Vegas " ซึ่งอยู่ติดกับ McCarran International Airport
บริเวณนี้มีที่จอดรถสำหรับลงไปถ่ายรูปกับป้ายได้นะครับ แต่อาจจะมีจำนวนจำกัด
นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกับป้าย Welcome to Las Vegas เป็นที่ระลึก กันเยอะมาก จนต้องต่อแถวกันเลยทีเดียวครับ
แถมยังมีคนแต่งตัวเลียนแบบดาราฮอลลีวู้ด มายืนให้ถ่ายรูปด้วย แต่เราไม่ถ่ายหรอก อิอิ
ถ่ายภาพกันเสร็จ ตามแผนจะไป Oulet กันต่อครับ แต่เหมือน Gps จะงงๆ เลยไปตั้งต้นกันที่ปั้มน้ำมันกันก่อน จะได้เติมน้ำมันและเซ็ตค่าใหม่
ที่นี่ มีปั้ม 7-11 ด้วยนะครับ เคยเห็นกันไหม
ราคาน้ำมันที่ลาสเวกัสถือว่าถูกกว่าแอลเอ ครับ
วิธีการเติมน้ำมันที่อเมริกา ขั้นแรกไปจ่ายเงินก่อน โดยแจ้งชนิดน้ำมัน พร้อมราคาที่จะเติม และหมายเลขหัวเติมครับ ส่วนใหญ่หากชำระเงินด้วยบัตรเครดิต เค้าจะขอดูพาสปอร์ทด้วย หากเรามาเติมแล้วถังน้ำมันเต็ม กว่าจำนวนเงินที่เราจ่ายไป ก็ไปแจ้งอีกครั้ง เค้าจะรูดใหม่ในราคาเท่าที่เราเติมครับ
เซ็ต Gps แล้วเราก็วิ่งมาทาง Strip อีกครั้งก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายผ่าน West Tropicana Avenue เพื่อไปขึ้น Las Vegas Freeway ครับ
ผ่าน MGM
http://www.mgmgrand.com/
บน Freeway เราก็ยังเห็นโรงแรมและคาสิโนชื่อดัง อีกมากมายหลายแห่งครับ ทั้ง Caesar Palace,Stratosphere ซึ่งอยู่ปลายสุดของ Strip ที่มีหอคอยสามารถเห็นวิวของ Strip และ เมืองลาสเวกัส ได้อย่างชัดเจน , Wynn, Encore ตึกแฝด , Trump , Treasure Island ซึ่งมีโชว์โจรสลัด และ Palazzo
วิ่งบน Freeway มาเรื่อยๆ จนถึงทางออกที่ 41B ครับ จะเป็นทางลงโค้ง ลงไปแล้วเลี้ยวขวา แยกแรกครับ จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ ชิดขวาเอาไว้ จนเห็นป้าย Nautica ให้เลี้ยวขวาตรงนี้ จะมีที่จอดรถ
เป็นลานกว้างอยู่ขวามือครับ
จอดรถตากแดดกันตามระเบียบ อากาศร้อนมากๆครับ
เดินข้ามถนนไปยัง Premium Outlet North กันเลยครับ
Premium Outlet ในลาสเวกัส มี 2 แห่งครับ คือ ที่ North และ South เราเลือกมาที่ North เพราะดูแล้วร้านค้า เยอะกว่า
http://www.premiumoutlets.com/outlets/outlet.asp?id=58
ก่อนไปอย่าลืมสมัครสมาชิกในเวบก่อนครับ จะได้ code ส่วนลดสำหรับใช้ซื้อสินค้าภายใน Outlet ด้วย
บรรยากาศภายในก็คล้ายๆ เอ้าท์เลทบ้านเราครับ มีร้านค้าตั้งเรียงรายกันไป มีพื้นที่ภายนอกเปิดโล่ง เชื่อมระหว่างอาคาร
ราคาบางอย่างก็ไม่ได้ถูกอย่างที่คิดครับ ต้องลองเลือกกันไป
บูธขายของที่ระลึก และสินค้าต่างๆ ราคาแพงใช้ได้ครับ 55
เข้าร้านโน้น ออกร้านนี้ เดินกันจนเหนื่อยครับ
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhLqytJNStc68i0tu9zU1H44GT-M_JXVUYDcW970sMWoKU0eA5gBcDSx80S2x_CNCm-TPqaFdFVkJt2Wm8mzeDf1WtWp8fb-QifAMBbgwnlPMlk5HrPad77OyQq8LSVQnR78Nk3xhtBErD9/s1600/178DSC_8976.jpg)
ในเอ้าท์เลท์ก็มีฟู้ดคอร์ท ด้วยครับ เผื่อช๊อปจนหมดแรง ก็มาเติมพลังกันได้
ของที่ช็อปมาบางส่วนครับ อิอิ
ก่อนเข้าที่พัก เราไปช็อปของสด เพื่อมาทำอาหารกินกันที่ห้องครับ เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษ วันเกิดพ่อ ครับ
เมนูพิเศษวันนี้ ประกอบไปด้วย พะแนงไก่ ตำแตง ข้าวเกรียบทอด ไก่ผัดพริกเผา แกงจืดสาหร่ายหมูสับ และ ไข่เจียว เป็นวันที่มีทั้งอิ่ม ทั้งมีความสุข กินเสร็จก็นั่งเล่นพักผ่อนกันอยู่ที่ห้อง ไม่ได้ลงมาเดินชมแสงสีกันเลยครับ
สรุปว่าคาสิโนก็ยังไม่ได้เข้า 555 แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ไว้โอกาสหน้ายังมี
ทิ้งท้ายกับลาสเวกัสไว้ตรงนี้นะครับ ครั้งหน้าเราจะเดินทางไปชมความยิ่งใหญ่ของ Grand Canyon กันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น