ช่วง สงกรานต์ 54 ที่ผ่านมา คงมีหลายคนถือโอกาสใช้วันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน ไปท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวความสุขให้กับตัวเอง และครอบครัว กันมาเยอะทีเดียว
หลาย คนอาจเลือกใช้วันหยุดยาวพักผ่อนอยู่กับบ้าน ซึ่งปกติวันหยุดเทศกาลส่วนใหญ่ที่บ้านผมก็มักจะอยู่บ้านเหมือนกัน ไม่ค่อยอยากออกไปไหนเพราะคนเยอะ รถก็เยอะ
แต่หลังจากช่วงสงกรานต์ปีก่อน มีโอกาสไปเที่ยวนิวซีแลนด์ รู้สึกประทับใจ มีความสุข สนุกมาก ปีนี้ติดใจ อยากไปเที่ยวอีก
ซึ่งครั้งนี้ไปกันรวมทั้งครอบครัว 6 คน และ มีคนพิเศษอีก 2 คน ที่จะมาร่วมทริปกับเราในครั้งนี้
ปัญหาแรกที่คิดคือเราจะไปเที่ยวที่ไหนดี ???
ต้องเป็นประเทศที่พี่ยังไม่เคยไป อากาศไม่ร้อนเหมือนบ้านเรา มีวิวทิวทัศน์สวยงาม เดินทางสะดวก ถ้าสามารถขับรถเที่ยวเองได้ยิ่งดี
ตอนแรกก็มีตัวเลือกหลายประเทศที่น่าสนใจ อย่าง แคนาดา แอฟริกาใต้ นอร์เวย์ กรีซ
แต่สุดท้ายพวกเราตัดสินใจเลือก ประเทศ IRELAND
ถ้าพร้อมแล้ว แพคกระเป๋า แล้วตามมาด้วยกันเลยครับ
หลายคนอาจจะสงสัยว่าประเทศไอร์แลนด์ เนี่ยตั้งอยู่ตรงส่วนไหนของโลก ?? / เป็นประเทศเดียวกับ Iceland หรือเปล่า ??
มาทำความรู้จักไอร์แลนด์กันก่อน
สาธาณรัฐไอร์แลนด์ มีชื่อภาษาอังกฤษ ว่า " Replubic of Ireland " หรือจะเรียกว่าประเทศไอร์แลนด์ " Ireland " ก็ได้เป็นที่เข้าใจกัน
ไอร์แลนด์ เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติค ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของทวีปยุโรป ติดกับสหราชอาณาจักร โดยมีทะเลไอริชคั่นกลาง
เกาะนี้ประกอบด้วย สาธารณรัฐไอร์แลนด์ และประเทศไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งต่างเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปทั้งคู่
แต่เนื่องจากเป็นคนละประเทศจึงใช้สกุลเงิน กฏหมาย และกฏข้อบังคับแตกต่างกันออกไป
สาธารณรัฐไอร์แลนด์มีเมืองหลวงชื่อ " Dublin " มีประชากรทั้งประเทศประมาณ 4 ล้านคน และ มากกว่า 50% ของประชากร มีอายุต่ำกว่า 30 ปี
สาธารณรัฐไอร์แลนด์ มีพื้นที่ ประมาณ 85 % ของพื้นที่เกาะทั้งหมด มีขนาดความยาวแค่ประมาณ 450 กิโลเมตร และความกว้าง 300 กิโลเมตร
ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 84,500 ตารางกิโลเมตร หรือเทียบได้กับภาคกลางของประเทศไทย
ส่วนพื้นที่ทื่เหลือด้านมุมขวาบนจะเป็นของประเทศไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของ สหราชอาณาจักร
ขอบคุณแผนที่จาก www.ireland-information.com
ไอร์แลนด์ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่
EAST พื้นที่สีส้ม
SOUTH พื้นที่สีเขียวเข้ม
WEST พื้นที่สีเขียวอ่อน รวมถึงพื้นที่สีแดงด้านซ้ายทั้งหมด
NORTH พื้นที่สีแดงด้านบน เป็นของไอร์แลนด์เหนือ
County หรืออาจจะเปรียบได้กับ จังหวัด ของบ้านเรา แต่ละ county ก็จะประกอบด้วยเมืองย่อยๆ หลายเมือง
ขอบคุณแผนที่จาก http://www.vousden.name/ireland.htm
ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไอร์แลนด์บางส่วน รวมถึง E-BOOK สามารถเข้าไปชมได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้
ข้อมูลhttp://www.discoverirelandnow.com/consumer/th/
http://www.discoverireland.com/int/
http://www.planetware.com/do-it-yourself-tours/ireland-irl.htm
http://www.heritageireland.ie/en/
http://www.lonelyplanet.com/ireland
http://www.destination360.com/europe/ireland/
http://www.myguideireland.com/selfdrive
Download
http://www.discoverireland.com/gb/ireland-plan-your-visit/downloadablebrochures/
http://www.ebstudio.net/irelandbycar/
http://ebooklink.net/g/download/1741046963/Ireland%20(Country%20Guide)/?recaptcha_challenge_field=03AHJ_VuuiQJ0h0YhQ4oyZ5MwOo4we51tKeL1Gka5_8srZZp21XSm5IH2AMpuhndbrUJ-kMwxof85GuaB939dplq83bS0BDCVkHQnJs8vZamMqTaT3gRBZIRyUDoU8DOc-jB4F07cgDZ3dSNZRdIwc_R7baOBS3VvAzw&recaptcha_response_field=answer+lorielln
http://www.ebook3000.com/Frommer-s-Ireland-Day-by-Day_77430.html
http://cde.cerosmedia.com/1F4bc2fbda0e1e7323.cde
http://freebooksearcher.info/downloadbook.php?id=15313
http://www.guidegecko.com/lonely-planet-ireland-travel-guide/d,8255
VISA
เราสามารถกรอกแบบฟอร์มการยื่นขอวีซ่าออนไลน์ได้ที่ https://www.visas.inis.gov.ie/
ซึ่งหากยังกรอกไม่เสร็จในคราวเดียว สามารถเก็บไว้ และกรอกต่อภายหลังได้ ภายใน 30 วัน
หลัง จากกรอกรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว จึงกดส่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย และพิมพ์เอกสารแบบฟอร์มการยื่นขอวีซ่านี้ เพื่อนำไปยื่นขอวีซ่า พร้อมเอกสารอื่นๆต่อไป
เอกสารที่ต้องใช้ในการขอ Visit/Holiday Visa
1. รูปถ่ายสีขนาด 35-38mm x 45-50mm จำนวน 3 รูป (ฉากสีขาว)
2. หนังสือรับรองการทำงานของผู้สมัคร (ระบุตำแหน่ง อายุงาน และช่วงเวลาที่ลางาน พร้อมยืนยันว่าจะกลับมาทำงานหลังจากลางาน)
3. Pay Slip ของผู้สมัคร 3 เดือนล่าสุด (ถ้าไม่มี ให้ระบุเงินเดือนในหนังสือรับรองการทำงาน)
4. ทะเบียนสมรสของผู้สมัคร (ถ้ามี) (แปลเป็นภาษาอังกฤษ)
5. ทะเบียนบ้านของผู้สมัคร ในกรณีที่เป็นเจ้าบ้าน หรือมีสมาชิกครอบครัว เช่น บิดา มารดา หรือบุตรที่อาศัยอยู่ร่วมกัน (แปลเป็นภาษาอังกฤษ)
6. หนังสือจดทะเบียนบริษัท หรือหนังสือจดทะเบียนพาณิชย์ (แปลเป็นภาษาอังกฤษเฉพาะหน้าแรก)
7. สมุดบัญชีธนาคาร หรือ Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือน ของผู้สมัคร
8. ใบจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
9. ใบจองโรงแรมตลอดการเดินทาง
10. หนังสือรับรองสถานะการเงินจากธนาคาร (ภาษาอังกฤษ)
** เอกสารของผู้สมัครทุกอย่างให้ผู้ยื่นนำตัวจริงมาแสดงทั้งเอกสารต้นฉบับภาษา ไทยและเอกสารต้นฉบับที่แปลจากร้านแปล และถ่ายสำเนาให้เจ้าหน้าที่อย่างละ 1 ชุด ทางเจ้าหน้าที่จะดูตัวจริงและคืนตัวจริงให้ และจะเก็บแค่สำเนาเอกสารนั้นๆ**
** เอกสารที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ให้แปลจากร้านรับแปลเอกสารที่มีตราประทับรับรองเท่านั้น **
เมื่อ โดยนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นที่ สถานกงสุลไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ค่าใช้จ่ายในการยื่นขอวีซ่า คนละ 2640 บาท และ ค่าธรรมเนียม 400 บาท
กงศุลกิตติมศักดิ์ไอร์แลนด์ในกรุงเทพฯ, ประเทศไทย
ชั้น 28 อาคาร คิวเฮ้าส์ ลุมพินี ( High Zone) 1 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
โทร: +66 2 677 7500 แฟกซ์: +66 2 677 7501 อีเมล์: ireland@loxinfo.co.th
เว็บไซต์: www.irelandinthailand.com/ เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันศุกร์ 8.30 - 12.30 น.
พวก เรายื่นวีซ่า ประมาณ 28 ธันวาคม เมื่อปีก่อน ตอนแรกก็กลัวว่าจะนาน เพราะที่เมืองไทยไม่มีสถานทูต และพี่ต้องใช้พาสปอร์ต ช่วงต้นเดือนกุมภา
แต่ เจ้าหน้าที่สถานทูตก็ช่วยเหลืออย่างดี ถ้าไม่ทันจะส่งพาสปอร์ตกลับมาให้ก่อน แล้วพอวีซ่ามาค่อยนำไปแปะภายหลัง แต่ไม่รู้เพราะอะไร ขนาดยื่นช่วงเทศกาลหยุดยาว
วันที่ 10 มกราคม ก็ได้รับโทรศัพท์จากสถานทูตแจ้งมาว่า วีซ่าเรียบร้อย ผ่านทุกคน ..
ดีใจแทบตายครับ
How to get there
การ เดินทางจากประเทศไทยสู่ไอร์แลนด์ มีสายการบินหลายสายที่ให้บริการเส้นทางบินจากประเทศไทยไปยัง Dublin ผ่านทางทวีปยุโรปและสหราชอาณาจักร
เช่น Ethihad Airways, KLM Royal Dutch Airlines, AirFrance, British Airway, Lufthansa, Thai Airway
สายการบิน ออกจาก เดินทางไป
เอทิฮัด แอร์เวย์ส กรุงเทพ (BKK) ดับบลิน ผ่านทาง อะบูดาบี (AUH)
เคแอลเอ็ม รอยัล ดัช แอร์ไลนส์ กรุงเทพ (BKK) ดับบลิน ผ่านทาง อัมสเตอร์ดัม (AMS)
แอร์ ฟรานซ์ กรุงเทพ (BKK) ดับบลิน ผ่านทาง ปารีส (CDG)
บริติช แอร์เวย์ กรุงเทพ (BKK) ดับบลิน ผ่านทาง ลอนดอน (LHR)
สวิสแอร์ กรุงเทพ (BKK) ดับบลิน ผ่านทาง ซูริก (ZRH)
ลุฟต์ฮันซ่า/ แอร์ ลิงกัส กรุงเทพ (BKK) ดับบลิน ผ่านทาง แฟรงค์เฟิร์ต (FRA)
ไทย แอร์เวย์/ แอร์ ลิงกัส กรุงเทพ (BKK) ดับบลิน ผ่านทาง แฟรงค์เฟิร์ต (FRA)
สำหรับพวกเราเลือกเดินทางด้วยสายการบิน Ethihad Airways สายการบินแห่งชาติของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
แม้จะเป็นสายการบินน้องใหม่ที่เปิดตัวได้ไม่กี่ปี แต่คุณภาพ ราคา และเวลา ดูแล้วเหมาะสมกว่าสายการบินอื่นๆ
เราเลือกจองจากเอเจนท์ ในราคา 36,900 บาท ซึ่งเทียบกับราคาในเวบ Ethihad ตอนนั้นเกือบ 4หมื่น ทีเดียวhttp://www.etihadairways.com/sites/etihad/th/en/home/pages/home.aspx
Self-Drive
เราเลือกที่จะเดินทางด้วยการเช่ารถยนต์ขับท่องเที่ยวไปตามเมืองต่างๆ ทั่วไอร์แลนด์ ที่นี่มีบริษัทรถเช่าให้เลือกมากมาย
ทั้งบริษัทท้องถิ่น หรือบริษัทชื่อดัง ที่มีสาขามากมายทั่วโลก อย่าง Avis, Hertz, Budget
รถเช่าที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นเกียร์ธรรมดา หากเป็นเกียร์อัตโนมัติ จะมีราคาสูงกว่ามาก
ซึ่งหลังจากที่พิจารณาทั้งในเรื่องของขนาดรถยนต์, ราคา , การประกันภัย แล้ว เราตัดสินใจเลือกเช่ารถกับ Avis
โดยรถที่เช่าเป็นรถตู้ Volkswagen รุ่น Transporter 9 ที่นั่ง เกียร์ธรรมดา หากเป็นรถ MPV ราคาจะถูกลงมาก แต่ก็มีเพียง 7 ที่นั่ง
รถเช่าที่นี่มีแต่รุ่นใหม่ๆ รูปทรงสวยสะดุดตาทั้งนั้นเลยครับ ไม่ต้องห่วงว่าจะได้รถรุ่นเก่า เลย
ปล .บริษัทรถเช่าจะไม่ให้บริการแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปี หรือ มากกว่า 70 ปี http://www.avis.ie/
ใบขับขี่สากล
สำหรับผู้ที่จะขับรถท่องเที่ยวในไอร์แลนด์ ต้องมีใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (ใบขับขี่สากล) International driving license
โดยสามารถติดต่อขอทำ ได้ที่กรมการขนส่งทางบก เขต จตุจักร อาคาร 4 ชั้น 2 สำหรับต่างจังหวัดทำที่ สำนักงานขนส่งจังหวัด
เอกสารที่ใช้
1. รูปถ่าย 1.5x2 นิ้ว จำนวน 2 รูป
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาบัตรประชาชน 1 ชุด
4. ใบขับขี่รถยนต์ พร้อมสำเนา 1 ชุด
5. Passport พร้อมสำเนา 1 ชุด
6. ค่าธรรมเนียม 505 บาท
7. ถ้าไม่ได้ไปด้วยตัวเอง ต้องเตรียม ใบมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ 10 บาท และบัตรประชาชนพร้อมสำเนาของผู้รับมอบอำนาจ
กฎการขับขี่
การขับรถในไอร์แลนด์ใช้เลนซ้าย และต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลา ทั้งผู้นั่งเบาะหน้าและเบาะหลัง
และมีกฏหมายที่เข้มงวดมากเกี่ยวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ขณะขับขี่ หากฝ่าฝืนจะได้รับโทษอย่างหนัก
ใน สาธารณรัฐไอร์แลนด์ กำหนดความเร็วขั้นต่ำไว้ที่ 50 กม.ต่อชั่วโมงในเขตตัวเมือง และ 100 กม. ต่อชั่วโมง บนทางหลวง และ 120 กม.ต่อชั่วโมง บนทางด่วน
ป้ายบอกทาง
ใน สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ป้ายบอกทางต่างๆ ระบุไว้เป็นกิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยป้ายบอกทางและสถานที่ต่างๆ เขียนไว้เป็นสองภาษาคือ ไอริช (เกลิก) และอังกฤษ
สถานีบริการน้ำมัน และ ราคาน้ำมัน
ปั้มน้ำมันมีอยู่ทั่วไปตามตัวเมืองต่างๆ แต่เพื่อความปลอดภัยควรเติมน้ำมันให้เต็มถังเสมอ
สำหรับราคาน้ำมันช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดีเซลและเบนซิน อยู่ช่วงราคาประมาณ 1.4 - 1.5 euro http://www.aaireland.ie/AA/Motoring-advice/Petrol-Prices.aspx
สภาพอากาศ
อากาศในช่วง เดือนเมษายนเป็นฤดูใบไม้ผลิ Spring อากาศโดยเฉลี่ยประมาณ 10-12 องศา อุณหภูมิจะต่ำลงกว่านี้ ในช่วงเวลาเช้ามืด และตอนกลางคืน
เนื่อง จากอากาศเปลี่ยนแปลงได้ง่ายในระหว่างวัน ควรเตรียมเสื้อกันฝนไปด้วย นอกจากนั้นยังมีลมแรง โดยเฉพาะสถานที่ซึ่งอยู่ทางซีกตะวันตกของเกาะ
เช่น Cliffs of Moher, Slieve League ดังนั้นจึงควรใส่เสื้อผ้าหลายชั้นเพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพอากาศhttp://www.ireland.com/weather
http://weather.yahoo.com/ireland/
http://www.met.ie/forecasts/5day-ireland.asp
http://www.weather-forecast.com/countries/Ireland/locations
http://www.discoverireland.com/us/ireland-places-to-go/explore-by-map/weather/
เวลา
เวลาที่ไอร์แลนด์ ช้ากว่าเวลาที่ประเทศไทย 7 ชั่วโมง และ ช้ากว่า 6 ชั่วโมง ในช่วง Daylight-Saving Time
ซึ่งเริ่มต้นในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมีนาคมไปจนถึงวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม
sunrise -sunset
สำหรับพระอาทิตย์ขึ้น และ พระอาทิตย์ตก จะแตกต่างกันในแต่ละเดือน โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม เวลากลางวันจะยาวนานถึง 15 ชั่วโมง
ส่วน ในช่วงเดือนเมษายน เวลากลางวัน ยาวประมาณ 13 ชั่วโมง พระอาทิตย์ขึ้นประมาณ เกือบ 7 โมงเช้า ตกประมาณ 2 ทุ่ม ถือเป็นข้อดี ทำให้เราสามารถใช่เวลาท่องเที่ยวได้นานขึ้น
http://www.timeanddate.com/worldclock/astronomy.html?n=78
http://www.iol.ie/~discover/sunrise.htm
ที่พัก
ที่พักมีหลากหลายประเภททั้งโรงแรม ,ปราสาท, B&B, Apartment, Guesthouse, Hostel หรือ Holiday Home ต่างๆ
เรียกได้ว่ามีที่พักตลอดทางเลยก็ว่าได้ อยากจะนอนในโรงแรมบูติคทันสมัย นอนแบบเจ้าชายในปราสาทอันหรูหราเก่าแก่
หรือ ได้รับความอบอุ่น เป็นกันเอง จากเจ้าบ้าน หากพัก แบบ Bed & Breakfast
สำหรับการจองที่พัก ส่วนใหญ่จะต้องมัดจำล่วงหน้า บางแห่งก็มีค่าธรรมเนียมในการจองด้วย http://www.irelandhotels.com/
http://www.irishcountryhotels.com/
http://www.irishcourthotels.com/
http://www.holiday-ireland-hotels.com/
http://www.goodfoodireland.ie/
http://www.manorhousehotels.com/
http://www.nihf.co.uk/
http://www.premierguesthouses.com/
http://www.selecthotelsireland.com/
http://www.hiddenireland.com/index.htm
http://www.irelandsbluebook.com/
http://www.family-homes.ie/
http://www.irishfarmholidays.com/ifh/index.cfm
http://www.nifcha.com/
http://www.townandcountry.ie/
http://www.townandcountry.ie/
http://www.celtic-accommodation.ie/
http://www.hini.org.uk/
http://www.hostels-ireland.com/
ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหาร
เรื่อง อาหารการกิน เวลาไปท่องเที่ยงต่างแดน เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะผมไม่ค่อยชอบทานอาหารฝรั่ง ยิ่งติดๆกันหลายมื้อนี่ เอียน อืด จนไม่อยากกินกันเลยทีเดียว
อีกทั้ง เวลาในการเดินทางหากต้องแวะทานอาหารที่ร้าน ก็ทำให้เสียเวลาในการเดินทางไปไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นครั้งนี้พวกเราจึงเตรียมอาหารแห้ง และเครื่องปรุงต่างๆ
ไว้สำหรับปรุงอาหารง่ายๆ ที่โน้นด้วย เพียงแค่ไปหาซื้อเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ และผักสดบางอย่าง เพิ่มเติมเท่านั้น
ที่ไอร์แลนด์ มีซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ มากมาย อย่างห้าง Super Value มีแทบทุกเมืองรวมถึงตามปั้มน้ำมันใหญ่ๆ
http://www.supervalu.ie/
http://www.londis.ie/
หรือหากไม่อยากทำอาหารทานเอง ก็มีร้านอาหารต่างๆมากมาย รวมถึงฟาสต์ฟู้ดชื่อดัง แต่ก็ราคาสูงกว่าบ้านเราพอสมควรเลยทีเดียว
แบบราคาต่ำสุด ก็ตกจานละ 12-15 euro แล้วครับ
http://www.menupages.ie
http://www.mcdonalds.ie/
สกุลเงิน
หากไปเที่ยว ทั่วทั้งเกาะ แนะนำให้แลกเงินส่วนหนึ่งเป็นสกุลเงินยูโร เพื่อไว้ใช้ในสาธารณรัฐไอร์แลนด์ อีกส่วนเป็นเงินปอนด์ สำหรับใช้เมื่อเข้าไปเที่ยวในไอร์แลนด์เหนือ
และแนะนำให้พกบัตร เครดิตมาด้วย ซึ่งที่พักและร้านค้าส่วนใหญ่ก็รับบัตรเครดิต อาทิ บัตรวีซ่า หรือ มาสเตอร์การ์ด รวมถึงสามารถใช้เบิกเงินสดได้จากเครื่องเอทีเอ็มทั่วไป
เงินยูโรถูกใช้เป็นสกุลเงินท้องถิ่นของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ หนึ่งยูโรมี 100 เซนต์
ธนบัตรยูโรมีตั้งแต่ €5, €10, €20, €50, €100, €200 จนถึง €500
เหรียญเงินยูโรมีตั้งแต่ €1, €2, 50c, 20c, 10c, 5c, 2c จนถึง 1c
น้ำประปา
มีความสะอาด และสามารถดื่มกินได้ แต่เพื่อความปลอดภัย ต้มก่อนจะดีกว่าครับ
ปลั๊กไฟ
อุปกรณ์ไฟฟ้าในสาธารณรัฐไอร์แลนด์ใช้ไฟขนาด 220 โวลต์ 50 เฮิรตซ์
หัวปลั๊กและเต้าปลั๊กที่ใช้ในสาธารณรัฐไอร์แลนด์และไอร์แลนด์เหนือมีลักษณะเหมือนกันคือ เป็นปลั๊กแบบสามขา (BF)
ไปรษณีย์
การส่งโปสการ์ดจากที่นี่เสียค่าส่งประมาณ 0.82 cent สามารถส่งได้ตามตู้ไปรษณีย์โดยทั่วไป แต่ตู้ไปรษณีย์ที่นี่สีเขียวนะครับ
ประกันการเดินทาง
เวลาเดินทางไกลๆ ทำไว้ก็อุ่นใจ หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จำนวนวันยิ่งเยอะ ความคุ้มครองสูง ราคาประกันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ดังนั้นเลือกให้เหมาะกับการเดินทางนะครับ
Help Me
- สายด่วนฉุกเฉิน สถานีตำรวจ/สถานีดับเพลิง/รถพยาบาล:
โทร: 999 (ใช้ได้ทั้งสำหรับสาธารณรัฐไอร์แลนด์และไอร์แลนด์เหนือ)
- สำนักงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ในสาธารณรัฐไอร์แลนด์
Garda HQ, Harcourt Square, Dublin 2
โทร: 01 478 5295 เว็บไซต์: www.touristvictimsupport.ie
- สถานทูตไทยในกรุงลอนดอน, สหราชอาณาจักร
29/30 Queen’s Gate, London SW7 5JB
โทร: 004420 7589 2944 อีเมล์: Thaiduto@btinternet.com
เว็บไซต์: www.thaiembassyuk.org.uk
Plan การเดินทาง
พวกเราเริ่มออกเดินทางจากบ้านตั้งแต่เช้า ถึงกรุงเทพประมาณ 10 โมง ไปซื้อของที่ King Power รางน้ำ
จาก นั้นก็แวะกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดมื้อเที่ยงที่ หน้าคิงเพาเวอร์ อร่อยทีเดียวครับ และตรงดิ่งไปที่สนามบินสุวรรณภูมิทันที ถึงสนามบินตั้งแต่บ่าย 2
ตอนแรกคิดว่าที่สนามบินคนต้องเยอะมากแน่ๆ แต่เท่าที่ดูแล้ว ก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไร
ประมาณ 4 โมงครึ่ง เคาน์เตอร์ก็เปิดบริการให้เช็คอิน พวกเราเช็คอินออนไลน์มาแล้ว ก็มาโหลดกระเป๋านิดหน่อย
เดี๋ยวนี้ใครจะเอากระเป๋า เป้ถือขึ้นเครื่อง ต้องผ่านการตรวจและติดสติ๊กเกอร์ที่เคาน์เตอร์ก่อนด้วยนะครับ เพิ่งรู้
ได้ boarding pass มาแล้ว ไฟลท์นี้ เราบินจาก กรุงเทพ ไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่ อาบุดาบี และ ต่อเครื่องจากอาบูดาบี ไปยัง ดับบลิน
รวมเวลาเดินทางแล้วประมาณ 15 ชั่วโมงได้
จากนั้นก็เข้า ตม. คนน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ แทบไม่ต้องรอคิวเลยครับ โชคดีจริงๆ
เสร็จแล้วก็เดินไปนั่งแหง่ว รอเวลาที่หน้า gate
ประมาณ 2 ทุ่ม ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง วันนี้ผู้โดยสารเต็มลำ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งสายการบินนี้นะครับ
ให้ความรู้สึกเหมือนนั่ง สายการบิน Emirates เลยทีเดียว เบาะก็นั่งเอนสบายมาก
มาสำรวจกันหน่อย ...มีจอทัชสกรีน และอุปกรณ์ต่างๆ มาตรฐานทั่วไป
หนังสือ คู่มือต่างๆ ของสายการบิน
หลังจาก take off มาได้ซักระยะก็เริ่มเสิร์ฟน้ำ กับ ขนมปัง(คล้ายๆabc) เค็มๆ อร่อยดีครับ กินกับน้ำแอ๊ปเปิ้ล แล้วเข้ากันดี
ไฟลท์นี้เจอแอร์คนไทยด้วยครับ บริการดีมากๆ คอยซักถามตลอดเลย ว่าต้องการอะไรเพิ่มไหม
นั่งดูหนัง เล่นเกมส์ไปเพลินๆ อีกซัก 2-3 ชั่วโมง ก็เริ่มเสิร์ฟอาหารค่ำครับ เราสั่งอาหารล่วงหน้ามาก่อนนี้แล้วเป็น seafood ทุกมื้อ
เลยได้เสิร์ฟก่อนผู้โดยสารคนอื่น อาหารมื้อนี้เป็นข้าวราดปลาผัดเต้าเจี้ยว อร่อยมากกกก ส่วนถ้วยเล็กนั่น เป็นสลัดกุ้งครับ
ขนมปังเนยแยม ไม่ได้แตะเลยซักนิด แบบว่าไม่ชอบ
หลับไปได้ตื่นนึง ก็ถึงอาบุดาบี แล้วครับ ลงเครื่อง สแกนกระเป๋าเสร็จ ก็มารอดูป้ายว่าต้องไปต่อที่เกทไหน
ระหว่างรอ ก็มีร้านค้ามากมายให้ช๊อปกัน
รอเกือบชั่วโมง จนคนอื่นเค้าต่อเครื่องกันไปหมดแล้ว ถึงจะขึ้นไฟลท์ของเรา
เดินไปต่อกันที่เกท 31 ครับ
เดินมาไม่ไกลครับ มีผู้โดยสารนั่งรอต่อเครื่องกันเยอะทีเดียว
ถือโอกาสแว๊บไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ก่อนขึ้นเครื่องอีกครั้ง
ลำที่เราจะต่อไปดับบลิน ลำเล็กกว่าลำก่อนหน้านี้ ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็เป็นฝรั่ง คนเอเชียไม่ค่อยมีเท่าไร
ขึ้นมาซักพัก ก็แจกกระเป่า kit set กัน มีพวก ถุงเท้า แปรงสีฟัน - ยาสีฟัน ที่ปิดตา ที่อุดหู
และแจกอาหารให้เราก่อนอีกแล้ว เป็นขนมปัง ข้างในมีเนื้อปลาบดๆ ทอด ราดซอสพริกเผ็ดๆ อร่อยดีครับ
หนทางอีกยาวไกลครับ เพิ่งออกจากอาบูดาบี
นั่งเล่นเกมส์ดูหนังไปพลางๆ ก่อนดีกว่า จอลำนี้ เมนูต่างกันเล็กน้อย
และก็ไม่มี ที่เสียบ Flash drive ด้วยครับ อุตส่าห์เตรียมมาฟังบนเครื่อง น่าเสียดาย นึกว่าเหมือน Emirates ซะอีก
ตอนนี้ข้างนอกท้องฟ้าสีฟ้าแจ่ม เชียวครับ
หลับไปอีกตื่น ก็เสิร์ฟมื้อเช้า เป็น ออมเล็ท อืดเอียน สุดๆ กินไปได้นิดเดียว ก็เปลี่ยนใจไปกินโยเกิร์ตกับผลไม้แทนดีกว่า
เวลานั่งเครื่อง ส่วนใหญ่ได้ที่นั่งแถวๆปีกประจำเลย
แสงสวยๆ ยามเช้าเห็นชายทะเลด้วย
หลังจากนั่งกันมาจนเหนื่อย ตอนนี้ใกล้ landing แล้วครับ ฟ้าขาวเชียว เหมือนจะครึ้มๆ ฝนอย่าเพิ่งตกนะ
และแล้วก็ถึง สนามบินที่เมือง Dublin โดยปลอดภัย
สนามบินไม่ใหญ่มากนัก ตกแต่งสวยงามทันสมัยทีเดียวhttp://www.dublinairport.com/
แผนที่คร่าวๆ ภายในสนามบิน เราลงเครื่องที่ Terminal 2 ซึ่งมีสายการบินทั้ง Etihad Airways, Delta, Continental Airlines (United),
US Airways and American Airlines รวมถึง Aer Lingus บางไฟลท์ ที่ลงที่ Terminal นี้ ครับ
ลงเครื่องที่ Terminal 2 แล้ว รีบเข้าห้องน้ำ แล้วไปที่ ตม. ก่อนเลยครับ พอมาถึงคนเยอะมาก มองไปแต่ละคนเค้าก็มีถือใบ immigration กันมาจากบนเครื่อง
ส่วนเรา ไม่มี แถวนั้นก็ไม่มีแจก เลยไปถามเจ้าหน้าที่จัดคิวแถว เค้าบอกว่าไม่ต้องใช้ เลยสงสัยว่าเรามีวีซ่าเข้าประเทศแล้วไม่ต้องใช้ใบ immigration
ใช้แค่ passport อย่างเดียว เจ้าหน้าที่ ตม.ก็ใจดี ยิ้มแย้ม และผ่านตม. มาได้ด้วยดี
จากนั้นก็ไปเอากระเป๋า และเตรียมตัวเอากระเป๋าอาหารไปดีแคลร์ แต่พอไปที่ช่องแดง ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่เลย เลยถามเจ้าหน้าที่ข้างๆ
เค้าก็ถามว่าเอาอะไรมา ก็บอกว่าพวกของแห้งเครื่องปรุง เค้าก็โบกมือ ให้ผ่านมาด้วยดี ไม่ต้องเปิดกระเป๋าดูเลย โชคดีจัง
รู้งี้เอาพวกกุนเชียง หมูหยองมาเยอะๆ ดีกว่า
พอออกมาด้านนอก ก็จะเจอสัญลักษณ์เหล็กสีเหลืองๆ แบบนี้
เดินข้ามไปนิดเดียวก็จะถึงอาคารจอดรถแล้ว
บริเวณนี้จะมีเคาน์เตอร์ของบริษัทรถเช่าชื่อดัง เรียงรายอยู่ จัดการนำใบจองไปยื่นและซื้อประกันเพิ่มเติม
พนักงานก็จัดแจงบอกว่า รถยูจอดอยู่ที่ชั้นล่างนะ เอากุญแจรถไปจัดการเองได้เลย
วิวจากอาคารลานจอดรถ สนามบินเค้าก็สวยไม่แพ้บ้านเราเลย
ลงมาด้านล่าง มองหารถตู้ของเรา คันนั้นแน่เลย สีแดงมาแต่ไกล คราวก่อนที่ไปนิวซีแลนด์ ก็ได้สีแดง ครั้งนี้ก็แดงอีกแล้ว
เป็นรถตู้ volkswagen transporter 9 ที่นั่ง ตอนแรกเห็นในเวบเป็นรุ่นเก่ากว่านี้
รุ่นนี้ใหม่ และสวยมากเลยครับ กระจกใหญ่กว้างมาก ที่นั่งเป็นแบบ 3-3-3 นั่งสบายมากๆ
ที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ก็ไม่ได้เล็กเหมือนที่เรากังวล ใส่กระเป๋าได้ได้สบายๆ ทั้งหมด
เก็บของกันเสร็จเรียบร้อย เช็ดกระจกรถด้านหน้าให้ใสสะอาด เตรียมออกเดินทางกันเลยครับ
เราออกจากสนามบิน มุ่งหนัาสู่ปลายทาง ที่ Tramore ครับ
ปล. ขับรถเที่ยวอย่าลืมเตรียมผ้าเช็ดกระจกรถไปด้วยนะครับ เพื่อภาพที่สวยงาม555
คนขับกิติมศักดิ์(ตาป้อม) พร้อม ไกด์กิติมศักดิ์ (ยายบง) พร้อม จากนั้นเรามุ่งหน้าจากสนามบิน ไปยังเส้น Wexford กันเลยครับ
ผ่านทางด่วน M50 เสียค่าผ่านทาง 3.70 euro เนื่องจากเป็นรถตู้ครับ เสียแพงกว่าปกติ ตอนแรกคิดว่าเป็นรถ 4 ล้อ ซะอีก
รถเยอะทีเดียว และเพิ่งเริ่มต้นการเดินทาง ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ครับ
ทางหลวงโดยทั่วไป จำกัดความเร็วที่ 100km/hr นะครับ
จากทางด่วน ก็เปลี่ยนมาเป็นเส้นทางหลวงธรรมดา ถนนของที่นี่ดีทีเดียว ดูสะอาดตา มีต้นไม้ดูร่มรื่นไปตลอดสองข้างทาง
ขับมาเรื่อยๆ ต้องดูป้ายดีดีนะครับ ถ้าขับเลยแล้ว กว่าจะมีทางกลับรถ อีกไกลเลยทีเดียว เราจะไปทางเส้น Glendalough
ตะกี้ก็ขับผิดเส้นไปแล้วรอบนึง
ผ่านเมือง Roundwood ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่นี่ยังเป็น Ireland's Highest Village อีกด้วยhttp://www.roundwood.ie/
พอเริ่มแยกเข้าเมือง ก็จะเป็นถนนเส้นเล็กๆ แล้วครับ ขับยากนิดหน่อย ความเร็วก็จะต้องลดลงตามลำดับ ไม่เกิน 80 km/hr
แต่คนขับเราเก่ง สบายหายห่วง
เริ่มเห็นวิวธรรมชาติมากขึ้น ช่วงนี้วิวจะเป็นสีเขียวสด สวยมากๆเลยครับ เพราะเพิ่งเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
ตอนนี้เห็นทางเข้า Glendalough แล้วครับ ซึ่ง Glendalough นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Wicklow Mountains National Park
ที่นี่ถือเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาด ครับ เพราะมีทั้งวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม จนได้รับการขนานนามว่า "The valley of the two lakes"
ซึ่งทะเลสาปทั้งสองแห่งเกิดจากการละลายของน้ำแข็งบนยอดเขา นอกจากนั้น ยังมีสิ่งก่อสร้างสมัยเก่าต่างๆ มากมายในบริเวณนี้ด้วยhttp://www.glendalough.ie/
ขับเข้ามานิดเดียว ก็จะพบกับ " Lower Lake " ขนาดไม่ใหญ่มากครับ แต่สวยมาก
มีทุ่งหญ้าสีทอง ที่ตั้งตะหง่านริมทะเลสาป อยากจะลงไปถ่ายรูป ก็ไม่ได้เพราะไม่มีที่จอดข้างทางเลยครับ
แต่มีทางเดินข้างเลค สัมผัสธรรมชาติ ไปถึงด้านบนนะครับ
ไม่กี่นาที เราก็มาถึงลานจอดรถด้านบนแล้วครับ เสียค่าจอดรถประมาณ 4 euro จอดได้ทั้งวัน
วันนี้เป็นวันเสาร์ มีหลายครอบครัวออกมาพักผ่อน ปิคนิคกันหลายครอบครัวเลยครับ รวมถึงเด็กน้อยคนนี้ด้วย
จากที่จอดรถ เดินไปนิดเดียว ก็ถึงทางเข้า " Upper Lake " แล้วครับ วันนี้อากาศดี เย็นสบายมาก
และเมื่อเดินเข้าไปก็พบกับความงามของทะเลสาปแบบนี้
อากาศดีมากๆ น่ามาปิคนิคจริงๆ เลยครับ
มาดูมุมกว้างๆ แบบ panorama กันบ้าง
แม้น้ำจะไม่นิ่ง ไม่มีเงาสะท้อน ก็สวยมาก
ที่น้ำไม่นิ่ง ก็เพราะเจ้าตัวนี้เนี่ยแหละ
ดูท่ามันจะมีความสุขมาก ว่ายน้ำ บินว่อนไปมาตลอด
เราใช้เวลาอยู่ที่นี่เกือบชั่วโมง ก่อนที่จะเดินทางต่อ
รูปเล็กๆ ด้านขวาล่างของแผนที่ เป็น Lower Lake และ Upper Lake ที่เราชมมาแล้ว
ต่อไปเราจะไปชมพวกสิ่งก่อสร้าง สมัยก่อน ที่ด้านล่าง กันนะครับ (แผนที่ใหญ่)
ที่ด้านล่างจะมี Glendalough Visitor Center ด้านในมีนิทรรศการให้ชมด้วย แต่เสียค่าเข้าชมนะครับ
จากนั้นก็เดินตามเส้นทางข้างๆ Visitor Center ไปเรื่อยๆ ผ่านลำธารเล็กๆ
นี่เป็น Glendalough Hotel มีร้านอาหารด้วยครับ คนนั่งกินกันเต็มเลย
รู้สึกว่าจะมีประตู 2ชั้น แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงชั้นเดียว
The Cathedral
บริเวณนี้เป็นซากโบสถ์หินขนาดใหญ่ที่สุด ใน Glendalough สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ " SS Peter and Paul"
บริเวณนี้เป็นสุสาน มีหลุมฝังศพมากมาย
ซึ่งแต่ละหลุม ส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลสำคัญต่างๆ นะครับ
บางหลุมก็จะมีไม้กางเขน แผ่นหิน ที่มีลวดลาย แตกต่างกันไป
นี่เป็น Round Tower มีความสูงกว่า 30 เมตร สันนิษฐานว่าใช้เป็นที่หลบภัยในสมัยก่อน
ด้านหลังสุดก็จะมีสุสานเก่า อีกแห่ง ซึ่งบางหลุมก็จะฝังศพทั้งครอบครัวไว้ด้วยกัน
บรรยากาศแบบว่า ขลังมากๆ แอบได้กลิ่นแปลกๆ ด้วยครับ
ออกจาก Glendalough เราตรงต่อไปยังเมือง Avoca เมืองที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเหมืองทองแดงhttp://www.avoca.com/
นอกจากนั้นเมืองนี้มีฉายาว่า " The Meeting of The Waters "
ซึ่งก็หมายถึงแม่น้ำ Avoca เกิดมาจากแม่น้ำ Avonmore และ Avonbeg ไหลมารวมกัน
Avoca Village ที่สวยงาม ถูกนำไปใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายทำซีรีย์ และ ภาพยนตร์หลายเรื่อง
ด้านล่างเป็น Avoca River หินที่ท้องน้ำจะเป็นสีออกเหลืองๆ จากทองแดงนั่นเอง
จาก Avoca มาถึงเมือง Arklow เราแวะกินมื้อเที่ยงง่ายๆ ที่ McDonald
เป็น burger กับ นักเก็ตไก่ ครับ ราคาแพงเหมือนกัน
อิ่มแล้วออกเดินทางต่อเลยครับ
ต้นไม้ที่นี่ทรงสวยมากๆ โดยเฉพาะตอนที่ใบไม้ยังไม่ผลิ ของชอบเลย
เราตรงไปทาง Enniscorthy ครับ
เริ่มเข้าสู่เมืองอีกครั้ง
ส่วนใหญ่เมืองจะเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก เราขับผ่านไปเช่นเคย
แต่ละเมืองจะสะอาดมากครับ
นานๆ ทีจะเห็นขยะ ตามข้างถนนทางหลวง
ข้างทางก็จะเจอฝูงวัวอยู่เรื่อยๆ ครับ วัวที่นี่ตัวใหญ่ และขนยาวกว่าบ้านเรา
และแล้วเราก็มาถึงเมือง New Ross อีกเมืองนึงที่เก่าแก่ที่สุดของไอร์แลนด์ เพื่อมาชมเรือลำนี้ครับ
แวะจอดรถกันด้านหน้าเลยครับ เป็นที่จอดรถอัตโนมัติ แบบหยอดเหรียญ ส่วน Visitor Center เห็นกำลังปรับปรุงอยู่
เราตรงเข้าไปซื้อตั๋วกันที่ตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆ สำนักงานชั่วคราวกันก่อนครับ ค่าเข้าชม คนละ 4.5 euro http://www.dunbrody.com/
อันนี้เป็นตัวอย่างตั๋วโดยสาร ในสมัยนั้น
เรือ Dunbrodyตั้งอยู่ริมน้ำเลยครับ บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบ
เรือ " Dunbrody " สร้างขึ้นเมื่อปี 2001 เรือลำนี้ เป็นเรืออพยพ ที่จำลองมาจากเรืออพยพของจริงสมัยก่อน โดยอพยพคนจากไอร์แลนด์ ไป ยัง อเมริกา สมัยกลางศควรรษที่ 19 เพราะช่วงนั้นไอร์แลนด์อยู่ในยุคอดอยาก
ที่นี่สามารถเข้าชมได้ด้วยตัวเอง หรือถ้าต้องการไกด์นำทัวร์ ก็ได้ครับ และจะมีคนแต่งตัวแบบสมัยก่อน มาแสดงให้เราได้ชมด้วย
แต่พวกเราเลือกชมเองครับ ประหยัดตังค์ได้หน่อยนึง แถมบรรยายไป ก็คงฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่ค่อยอินกับแนวๆ นี้เท่าไร
ลงบันไดมาด้านล่างของเรือ บรรยากาศแบบว่า น่ากลัวนิดๆ ครับ ไม่ได้เปิดไฟด้วย
ด้านข้างจะแบ่งเป็นล๊อคๆ เป็นที่นอนของผู้อพยพ ท่าทางจะเบียดกันน่าดูเลย
จำลอง โดยมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ วางให้เราได้ชม ว่าตอนนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร
แม้แต่อาหารปะทังชีวิต อย่างขนมปังเก่าๆ ก็มีให้ชม
ก็เดินชมไปเรื่อยๆ ครับ กลิ่นก็เหม็นอับหน่อยๆ อยู่นานไม่ได้ครับ ขึ้นชั้นบนคืนดีกว่า
เห็นว่าก่อนหน้านี้เค้าเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ล่องเรือลำนี้ด้วย แต่ตอนนี้คงไม่มีแล้ว
บริเวณที่เรือจอดอยู่ ไม่ลึกเท่าไรครับ เป็นดินเลนซะด้วย
จาก New Ross ออกเดินทางต่อมุ่งหน้าไปทาง Waterford กันครับ
เวลาผ่านทางด่วน ก็ต้องดูสัญลักษณ์ เราเลือก ช่องที่มีพนักงาน
อีก 500เมตร เลี้ยวซ้ายครับ ไป Waterford
ถึงเมือง Waterford แล้วครับ เมืองนี้มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการผลิตคริสตัล
แต่เราไม่ได้แวะเที่ยวชมครับ เดินทางต่อไปที่พักของเรากันเลย
ใช้เวลาไม่นาน ถึงแล้วครับ ที่พักของเราคืนนี้ " Fern Hill House " ตั้งอยู่ที่เมือง Tramore
เป็น B&B ตกแต่งน่ารักมากๆเลยครับ แถวนี้เป็นคล้ายๆหมู่บ้าน บางบ้านก็นำมาทำเป็นที่พักด้วย อยู่ใกล้ชายทะเลด้วยครับ เดินไปไม่ไกลมาก
ค่าที่พัก พร้อมอาหารเช้า คนละ 34 euro (ถ้าเป็น senior คนละ 32 euro ครับ )http://www.fernhillhouse.com/
หลังจากจอดรถ เข้ามากดกริ่ง เจ้าบ้านก็ออกมาต้อนรับเชื้อเชิญให้เข้ามาด้านใน มาชมบ้านกันก่อน
ชั้นล่างบางห้องก็จะติดป้าย private ไว้เป็นห้องพักส่วนตัวของเจ้าของบ้าน
ด้านซ้ายห้องนี้เป็นห้องรับแขก ดูอบอุ่นมาก
ส่วนด้านขวา จะเป็นห้องครัว
ตรงเข้าไปผ่านบันไดไป เห็นเป็นประตูไม้ใส่กระจกสี ตรงนั้นเป็นห้องอาหาร
ด้านในดูดีเชียวครับ ห้องอาหารจะเป็นส่วนที่ยื่นออกไปจากตัวบ้าน ติดกับสนามหญ้าหลังบ้าน
พรุ่งนี้เราจะมาทานมื้อเช้ากันที่ห้องนี้กัน
ส่วนค่ำนี้ หม่ำ ยำยำคัพกันก่อน โดยเราไปขอน้ำร้อนจากเจ้าบ้าน นะครับ อร่อยมาก
จากนั้นเจ้าบ้านก็นำชาร้อนๆ มาเสิร์ฟ พร้อมกับ ช๊อคโกแลต อร่อยๆ มาบริการด้วยตัวเองที่ห้องรับแขก
และยังชวนคุยถามไถ่เกี่ยวกับการมาท่องเที่ยวของเราที่นี่อีกด้วย
มาชมชั้นบนกันดีกว่าครับ มีทั้งหมด 4ห้องนอน เป็นของเราทั้งหลังเลย
ผมนอนห้องนี้ที่เตียงริมหน้าต่างนั่นเอง ที่พักในไอร์แลนด์ มี heater ให้ทุกห้องนะครับ
อีกมุมนึง เป็นเตียงใหญ่
ข้างกันเป็นห้องน้ำ ที่นี่มีห้องน้ำทุกห้องเลยครับ สะดวกมาก
จากหน้าต่างห้องนอน มองเห็นทะเล ลิบๆ โน่น
ห้องน้ำขนาดเล็กกะทัดรัดใต้หลังคา
ห้องนี้พื้นห้องน้ำเป็นไม้สน แต่เหมือนมันจะชื้น เลยมีคราบดำๆ นิดหน่อย
ในห้องน้ำก็มี heater ด้วยนะครับ
มุมห้องมีส่วนของ shower
ถัดมาอีกห้อง ห้องนี้ออกโทนเข้มๆ
อีกห้องนึงด้านในสุด ห้องนี้จะมีพื้นที่มากกว่าห้องอื่นนิดนึง
มีเตียงใหญ่ 1เตียง นอนกันได้สบายๆ
ถัดเข้าไป มีห้องนอนเล็กอีก 1 ห้อง
เป็นเตียงเดี่ยว 2 เตียง ขนาดเล็กกะทัดรัด
และห้องสุดท้าย น่ารักเหมือนกัน
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ เห็นพระอาทิตย์ดวงโต แต่ดันหลบอยู่หลังบ้าน
เช้านี้เราออกไปเดินเล่น กันครับ แต่เดินไม่ถึงชายทะเล เพราะเหมือนจะไกลไปหน่อย
กลับเข้ามาในส่วนของห้องอาหาร เพื่อเตรียมทานมื้อเช้ากันดีกว่าครับ
แดดอ่อนๆ ตอนเช้าเริ่มมาแล้
สำหรับอาหารบางส่วนถูกจัดไว้แล้ว มี ซีเรียล สลัดผลไม้ ขนมปัง โยเกิร์ต เครื่องดื่มก็มี นม กับ น้ำส้ม
สลัดผลไม้ กรอบแล้วก็ หอมมากครับ
ขนมปัง ไม่ได้แตะเลยครั
วาฟเฟิล กรอบๆ ราด ไซรัป โรยไอซิ่ง อร่อยจัง
จานนี้เป็น " Irish Breakfast " ประกอบไปด้วย ไส้กรอก เบค่อน ไข่ดาว ไวท์พุดดิ้ง และ แบล๊คพุดดิ้ง และ มะเขือเทศ
ไส้กรอกของที่นี่อร่อยดีครับ ส่วนก้อนๆ คือพุดดิ้ง ถ้าเป็นสีน้ำตาลทำมาจากพวกมันบดผสมพวกมันหมู อร่อยดี
ส่วนสีดำ มีส่วนผสมของเลือดหมู ไม่ค่อยอร่อยเท่าไรครับ .
ขอจบตอนแรกไว้ที่ตรงนี้นะครับ เจอกันต่อตอนหน้า อย่าติดตามชมนะครับ
คิดถึงจัง 😍
ตอบลบป่ะ ไปกันอีก รอนานแล้วววว
ลบหยอดกระปุกครบเมื่อไรจะรีบไปขอ เอ้ย ไปชวนเที่ยวทันทีเยยยย
ลบหยอดกระปุกครบเมื่อไรจะรีบไปขอ เอ้ย ไปชวนเที่ยวทันทีเยยยย
ลบ