สวัสดีครับ
หลังจากคราวก่อน ผมได้พาไปนั่งรถชมวิวเส้นทางที่สวยที่สุด ของ Ring of Kerry กันแล้ว
มาวันนี้เข้าสู่วันที่ 4 ของการเดินทาง เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วครับ จะครึ่งทางแล้ว
วันนี้เรายังคงพักอยู่ที่ KENMARE แต่เราจะไปนั่งรถชมวิวทิวทัศน์สวย ๆ กันอีกเส้นหนึ่ง
ที่มีชื่อว่า " Dingle Peninsula " ครับ หรือจะเรียกว่า " Ring of Dingle " ก็ได้
แต่วิวจะสวยสู้คราวก่อนได้หรือเปล่า ตามไปพิสูจน์กันเลย
แผนการเดินทางวันนี้ เป้าหมายแรกของเรา อยู่ที่ Ladies View
จากที่พักเรามุ่งหน้าไปทางซ้ายครับ N71 ไปทาง Killarney เหมือนเมื่อวาน
วันนี้อากาศไม่ค่อยดี เมฆเยอะ
ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาหัวโล้น ไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่เท่าไร แต่ส่วนใหญ่ตลอดเส้นทางที่เราขับมาก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกัหมด
อากาศเริ่มชื้นๆ มีหมอกด้วย
ไม่รู้ว่าไม้พุ่มมีดอกเหลืองๆ นั่นคือต้นอะไรนะครับ แต่มันทำให้วิวดูมีสีสันมากเลย
เจอ น้องแกะ กำลังนอนเล่นบนเขา
ด้านล่างมีฟาร์มแกะ เขียวเชียวครับ แสดงว่าเค้าน่าจะปลูกหญ้าเลี้ยงมากกว่าปล่อยให้กินเองตามธรรมชาติ
เพราะแปลงข้างๆ ไม่เห็นมีหญ้าเลย
ตกลงมันคือแกะ หรือแพะ เริ่มงง ขนไม่ค่อยฟูเลย
ผ่าน Lough Looscaunagh ขนาดไม่ใหญ่ ครับ
( lough = lake )
เริ่มเข้าสู่ Killarney National Park แล้วครับhttp://www.killarneynationalpark.ie/
ตอนนี้เรากำลังขับอยู่บนเขา เห็นวิวด้านล่างสวยงาม
ถ้าแดดออก ฟ้าแจ่มๆ คงจะสวยน่าดู
ไม่รู้ว่าพันธุ์ของต้นหญ้า มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว หรือเพราะโดนฝน เลยดูเป็นลูกกลมๆ แบบนี้
ด้านล่างเป็น upper lough
ขับมาเรื่อยๆ ถึงจุดหมายแรกของเราแล้วครับ " Ladies view "http://www.ladiesview.com/
เราแวะจอดรถกันที่ด้านข้างถนนครับ มีที่จอดรถอยู่ไม่มากเท่าไร จอดได้ประมาณ 4- 5คัน
อีกฝั่งเป็นLadies View Industries ซึ่งมีทั้ง Gift Shop, Cafe และ Bar ครับ สามารถขอเข้าห้องน้ำได้ที่นี่
เปิดบริการ : March - November Daily , 10.00 am.- 6.30 pm.
Ladies View ตั้งอยู่กึ่งกลางของ Ring of Kerry ระหว่างเมือง Kenmare กับ Killarney
ซึ่งชื่อ Ladies View ถูกเรียก เนื่องจาก Queen Victoria's Ladies-in-waiting ได้เคยมาชมวิวที่จุดนี้ เมื่อปี ค.ศ.1861
มองลงไปด้านล่าง เห็นสัตว์หลายชนิดเลย แสดงว่ายังอุดมสมบูรณ์อยู่มากทีเดียว
ดูมุมกว้างบ้างครับ สวยงาม ยิ่งใหญ่ มาก
จาก Ladies View เราตรงต่อไปยัง Killarney และ ไปทาง Milltown ครับ
ก่อนที่จะเข้าสู่ Dingle Peninsula
ออกเดินทางกันต่อครับ ช่วงนี้จะเริ่มขับลงเขา แล้ว สภาพป่าก็สมบูรณ์เหมือนกัน
ตามทางก็จะมีลำธาร ไหลมาจากด้านบน ลอดผ่านถนน เนื่องจากด้านบน เป็นป่าต้นน้ำ มีน้ำตกด้วยครับ
ไหลลงสู่ด้านล่าง กลายเป็น upper lough อันกว้างใหญ่
ตอนนี้เข้าสู่ตัวเมือง Killarney แล้ว
ตามทาง มีรถม้า สำหรับบริการนั่งท่องเที่ยววิ่งด้วย
ที่พักต่างๆ หาได้ง่ายมาก แทบทุกเมืองของไอร์แลนด์
บรรยากาศในตัวเมือง Killarney ครับ ขนาดใกล้เที่ยงแล้ว ยังไม่ค่อยมีคนเลย
ชอบพวกป้าย และพวกการตกแต่งครับ ดูดีจัง
เราตรงไปที่เส้น N72 ครับ ไปทาง DINGLE อีก 71 km
วิวทิวทัศน์ ร่มรื่นดี
เลี้ยวขวาไปทางเส้น N86 ผ่านเมือง Milltown
วิวข้างทางสวยๆ มีให้เห็นเรื่อยๆ
ถึงเมือง Milltown แล้ว
ตัวเมืองก็เล็กๆ เหมือนเคย
เลี้ยวซ้ายตามป้ายไปเลยครับ N70 ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นเส้น N86
เดี๋ยวเราจะผ่านเมือง Inch กันก่อน
ตอนนี้ผ่านเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่า Boonteens
ซ้ายมือ เริ่มเห็นท้องทะเลกันแล้ว
เป็นช่วงหัวโค้ง ที่จะเข้าสู่ Dingle Peninsula
ตรงไปตามทางครับ R561
วิวระหว่างทาง
ตอนนี้เริ่มเข้าสู่เมือง Inch แล้วครับ
เมืองนี้อยู่ริมทะเล มีชายหาดทอดยาว ตลอดแนวฝั่ง
เราก็ตรงไปทางเส้น N86 เรื่อยๆ
เริ่มลัดเลาะตามเขา ถนนก็แคบลง ต้องใช้ความระมัดระวังนิดนึง
มีบ้านคน อยู่ตลอดทางเลย
มีบ้านสวยๆ และ วิวแบบนี้ คงมีความสุขสุดๆ
เหมือนเมืองย่อส่วน
เข้าสู่เมือง Lispole
มินิมาร์ท ระหว่างทาง ที่ไม่ค่อยพบเท่าไร
วิวทิวทัศน์ระหว่างทาง ใกล้เข้าสู่เมือง Dingle แล้ว
เข้าเมือง Dingle แล้ว ตรงนี้เป็นทางแยกครับ เลี้ยวขวาไปทาง conor pass
เราจะไป Slea Head ไปทางซ้ายครับ และนี่คือจุดเริ่มต้นของ " Slea Head Drive "
จากเมือง Dingle เราวิ่งวงแดงอันเล็กไปทางซ้าย และวนตัดกลับมาทางเส้นสีเหลือง
ตึกสีแดงสด คือ Dingle Bay Hotel ถ้ามาพักแถวนี้ก็สะดวกดี
หลังจากที่เราขับลัดเลาะริมทะเลมา เราก็มาถึงจุดมุมสุด ที่มีชื่อว่า " Slea Head " แล้วครับ
มีรูปปั้นพระเยซูด้วยครับ (The Cross)http://www.dingle-peninsula.ie/sleahead.html
http://www.dingle-region.com/slea.htm
บริเวณนี้อยู่ตรงหัวโค้งนะครับ เราแวะจอดชมวิวกันที่นี่ บริเวณนี้มีที่จอดรถประมาณ 2-3 คัน
วิวบริเวณนี้จะเป็นมุมกว้างๆ แบบนี้ครับ ลมแรงทีเดียว
ด้านหน้าเป็น Blasket Island ครับ สามารถนั่งเรือเฟอรี่ไปชมเกาะได้http://www.dingle-peninsula.ie/blaskets.html
เราใช้ที่นี่จอดแวะทานมื้อเที่ยง
ชมวิวได้ซักครู่ เจ้าถิ่นก็มาต้อนรับ
อิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อ วิวบริเวณโค้งอ่าว สวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจตลอดทาง
บ้านอยู่ริมอ่าวเลย โอ้ว บรรยากาศดีจริงๆ ครับ น่าอิจฉา
Dunmore Head
มุมนี้สวยมากกกกกครับ เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่อง Ryan's Daughter ด้วย
เดินทางต่อครับ ถนนแบบนี้ น่าขับจริงๆ น่าจะมันส์
เข้ามาสู่เมืองอีกครั้ง เจอโรงแรมเล็กๆ น่าพักดี
ประเทศแถบนี้ดีนะครับ อากาศเย็นๆ หนาว ไม่ต้องติดแอร์ เปลืองค่าไฟเหมือนบ้านเรา แต่มีปล่องไฟแทน
ตอนแรกนึกว่าตุ๊กตา ท้ายรถ 5555 มองอีกที ของจริงนี่หว่า
เราแวะซื้อของที่ Super Value กันก่อนกลับ Killarney
กลับเข้าสู่แผ่นดินใหญ่กันอีกครั้ง
กลับไปเส้นเดิมครับ R561
เข้าสู่เมือง Castlemaine แล้ว และ Milltown ตามลำดับ
ชอบรถตู้เรโนลด์ รุ่นนี้มากเลยครับ สวยดี ทรงแปลกๆ แต่ที่นี่รถทรงคล้ายๆ กันเลยครับต่างกันแค่แปะคนละยี่ห้อเท่านั้นเอง
เข้าสู่ตัวเมือง Killarney แล้ว เราจะไปกันที่ " Ross Castle "
มาดูกันหน่อย เราอยู่ตรงนี้กันแล้ว
ด้านหน้ามีบริการรถม้า นั่งชมเมืองด้วย
จมูกชมพู เชียว .. เห็นแล้วก็สงสารมันเหมือนกัน
เดินข้ามสะพานเล็กๆไปยังปราสาทกันดีกว่าครับ
ลุงคนนี้เอาอาหารมาให้เป็ดที่ว่ายน้ำอยู่ในคลองด้วย ดีจัง
จะเดินไปถ่ายรูปซักหน่อย หายหมดเลย
OPEN DAILY : APRIL- OCTOBER , 09.30-17.45
Admission Fees : Adult 4 euro, Senior/Group 3 eurohttp://www.heritageireland.ie/en/South-West/RossCastle/
Ross Castle สร้างขึ้นเมื่อปลาย ศตวรรษที่ 15 ครับ
ตัวปราสาท อยู่ติดกับทะเลสาป Lough Leane เลย
มีฝูงเป็ด ว่ายน้ำอยู่ด้วย บรรยากาศดีมาก น่ารักจัง นั่งดูเป็ดน้อยว่ายน้ำก็เพลินแล้วครับ
เราไม่ได้เข้าไปชมด้านใน ปราสาทนะครับ ชมแค่รอบนอกเท่านั้น
บรรยากาศด้านหลังปราสาทครับ มีเรือด้วย เหมือนว่าจะมีบริการเรือที่สามารถพายจากที่อื่นมาขึ้นฝั่งที่นี่ได้ด้วย
จากนั้นเราตรงไปยัง Muckross House ครับ http://www.muckross-house.ie/
ตอนที่เข้ามาฝนก็ตกปรอยๆแล้วครับ แถมมาซะเย็น เค้าปิดกันหมดแล้ว เราเลยชมแต่ด้านนอกครับ
ถ้าเข้าชมด้านใน เสียค่าเข้าชม Adult 7.00 euro , Group / Senior Citizen 5.50 euro
ภายในจะแบ่งเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ ครับ
Muckross House and Garden - เป็นคฤหาสน์ในศตวรรษที่ 19
Muckross Traditional Farms - จัดแสดงถึงวิธีการทำฟาร์มและวิถีชีวิตในสมัยปี 1930
The Walled Garden Centre - มีสองส่วนคือ Garden Restaurant และ Mucros Craft Shop
โดยในส่วนของ Garden Restaurant ก็จะมีเมนูอาหารขึ้นชื่อมากมาย ส่วน Mucros Craft Shop
ก็จะมีของจำหน่ายพวกเครื่องปั้นต่างๆ และผ้าทอ
Muckross House and Garden เป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวยอดนิยมของไอร์แลนด์ ครับ
Queen Victoria ก็เคยเสด็จมาเยือนที่นี่ เมื่อปี 1861 โดยตอนนั้นเจ้าของคฤหาสน์ คือ ครอบครัว Herbert
และหลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนเจ้าของ มาเป็น Lord Ardilaun ( Guinness family)และ Bourn Vincents ตามลำดับ
ปัจจุบัน หลายห้องในคฤหาสน์ที่สวยงามแห่งนี้ ได้รับการซ่อมแซมโดยคงสไตล์แบบวิคตอเรีย ไว้เหมือนเดิม
ระหว่างเดือนเมษายนและกรกฎาคม, Muckross สวนจะประดับด้วยดอกไม้ Rhododendrons ทั้งสีแดงและสีชมพู
มีสวนอื่น ๆ รวมถึง Sunken Garden, Rock Garden และ Stream Garden
หลังจากเดินชมเก็บภาพรอบนอกไม่นาน ก็ขึ้นรถกลับที่พัก ทำอาหารเย็นทานกัน
ขอลากันด้วยภาพหลังบ้านพัก ครั้งหน้าเราจะไปที่ไหนกันต่อ รอชมนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น